ทดลองอ่าน เชฟคนนี้มีรักมาเสิร์ฟ! บทที่ 2-บทที่ 3 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

With Love

ทดลองอ่าน เชฟคนนี้มีรักมาเสิร์ฟ! บทที่ 2-บทที่ 3

4

ภารกิจนี้เป็นการมัดมือชกเจียงเหมยอิ่ง เธอทุกข์ใจจนพูดไม่ออก กระทั่งรถของเซียวอิ่นจางมาถึง เธอก็ยังคงจมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง ครุ่นคิดว่าควรขอโทษอย่างไรโดยไม่ขึ้นเสียง ไม่ชักสีหน้า และไม่ทำให้ขายหน้า อีกทั้งยังต้องทำให้ผู้กำกับพอใจด้วย

เซียวอิ่นจางบีบแตรรถสองครั้ง เจียงเหมยอิ่งตกใจ เงยหน้ามอง เซียวอิ่นจางนั่งอยู่ในรถออฟโรดสีดำของเขา กำลังมองเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“เป็นอะไรไป คิดอะไรอยู่ถึงได้เหม่อ”

เจียงเหมยอิ่งยิ้มขื่น “เงินเดือนเดือนนี้ได้เยอะมาก”

เซียวอิ่นจางงุนงง “ฮะ?”

เจียงเหมยอิ่งส่ายหน้า บอกว่าไม่มีอะไรแล้วก็ขึ้นรถ เซียวอิ่นจางพาเธอมาถึงคลินิกจิตเวชส่วนตัวที่เปิดกิจการเอง เจียงเหมยอิ่งเดินเข้าไปในห้องตรวจของเซียวอิ่นจางอย่างคุ้นเคย

พื้นที่ภายในห้องไม่ได้กว้าง แต่ก็ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและจิตใจสงบได้

พรมสีเบจลายใบไม้ ตรงมุมผนังจัดวางต้นไม้ใบเขียวที่สูงเท่าครึ่งตัวคนไว้สองกระถาง เซียวอิ่นจางเคยแนะนำว่านี่คือต้นฟิโลเดนดรอนมรกตเขียว มีสีเขียวชอุ่ม และเลี้ยงง่ายมาก ตรงกลางห้องมีโต๊ะกาแฟกลมกระจกใส วางโซฟาเดี่ยวสีเขียวสองตัวไว้สองด้าน ตรงริมหน้าต่างบานยาวมีโซฟาเบดเดี่ยวสีเบจอยู่ตัวหนึ่ง หน้าต่างบานยาวถูกบดบังไว้ด้วยผ้าม่านโปร่งสีกากี แสงแดดจะทะลุลอดผ่านเข้ามา ทว่าภายในห้องกลับถูกม่านนั้นบดบังแสงไว้

ในอากาศฟุ้งไปด้วยกลิ่นเลมอน เซียวอิ่นจางเติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นเลมอนเข้าไปในเครื่องเพิ่มความชื้น ซึ่งเป็นกลิ่นที่เจียงเหมยอิ่งชอบที่สุด ความชื้นของอากาศและอุณหภูมิภายในห้องถูกปรับให้พอดีด้วยระบบปรับอากาศ

ปลายปีที่แล้วตอนที่เจียงเหมยอิ่งมาที่คลินิกจิตเวชของเซียวอิ่นจางเป็นครั้งแรก ก็ถึงกับอุทานว่าเป็นห้องที่สบายเหมือนสวรรค์จริงๆ

เจียงเหมยอิ่งนั่งลงบนโซฟาตัวหนึ่งในนั้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มคุ้นเคย “รบกวนคุณมารับอีกแล้ว”

“ทางผ่านน่ะ” เซียวอิ่นจางเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามเจียงเหมยอิ่ง “มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้ร้อนใจขนาดนี้”

เซียวอิ่นจางตรงเข้าประเด็น เจียงเหมยอิ่งจึงไม่รอช้า สองมือควานในกระเป๋าครู่หนึ่ง แล้วก็หยิบกล่องทัปเปอร์แวร์ที่ใส่กิมจิออกมาวางไว้บนโต๊ะกาแฟตรงหน้า “ดูสิ!”

เซียวอิ่นจางเพิ่งจะเริ่มต้นเขียนเวชระเบียนในมือ ก็ถูกการกระทำของเธอขัดจังหวะ เขากระตุกมุมปาก “อะไร…เธอจะให้ฉันเหรอ”

เจียงเหมยอิ่งยู่ปาก “ไม่ได้ให้สักหน่อย” เธอพูดพลางเปิดกล่องทัปเปอร์แวร์

เซียวอิ่นจางจับสังเกตอารมณ์ชั่วแวบหนึ่งบนใบหน้าของเจียงเหมยอิ่งได้อย่างว่องไว เมื่อเห็นกิมจิในกล่องมีรอยถูกหั่น จึงถามว่า “เธอมีอาการยังไงบ้างกับกิมจินี่”

ดวงตาของเจียงเหมยอิ่งโค้งหยี เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดี “คุณจับได้แล้ว?”

เธอหัวเราะขึ้นมา ดวงตาคู่สวยโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว อารมณ์ที่เดิมทีถูกความเย็นชาห่อหุ้มไว้พลันแปรเปลี่ยนเป็นร่าเริง เซียวอิ่นจางเห็นก็ใจเต้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

แววตาของเขาเจือด้วยรอยยิ้ม เซียวอิ่นจางวางเวชระเบียนลง อาศัยท่าทีแบบเพื่อนถามอย่างสนิทสนม “งั้นก็บอกพี่เซียวมาว่าเกิดอะไรขึ้น”

เจียงเหมยอิ่งปรับท่านั่ง บอกการค้นพบครั้งสำคัญในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ของตนเองให้เซียวอิ่นจางรู้คร่าวๆ ด้วยความตื่นเต้น

หลังจากฟังจบ เซียวอิ่นจางก็ตกตะลึงนิดหน่อย “ตอนเริ่มพบปัญหาแรกๆ ทำไมไม่บอกฉัน”

มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม ผู้ป่วยควรจะติดต่อแพทย์เจ้าของไข้ตั้งแต่แรก เพื่อที่แพทย์จะได้ติดตามอาการและดำเนินการรักษาอีกขั้นหนึ่ง อันที่จริงเซียวอิ่นจางยังหวังว่าเจียงเหมยอิ่งจะสามารถรักษาหายได้มากกว่าที่ตัวเธอเองหวังไว้เสียอีก

เจียงเหมยอิ่งรู้สึกผิดนิดหน่อย เธอเกาหน้า “ก็ตอนนั้นฉันไม่แน่ใจ นึกว่าคิดไปเอง ไม่อยากจะเชื่อ ก็เลยยืนยันให้แน่ใจหลายๆ รอบ คุณยุ่งขนาดนั้น ฉันยังไม่แน่ใจอาการจริงๆ มารบกวนคุณมากไปก็ไม่ดี”

เซียวอิ่นจางเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่มีคำว่ารบกวนหรือไม่รบกวนอะไรทั้งนั้น เรื่องของผู้ป่วยเป็นเรื่องสำคัญหมด นี่คือหน้าที่รับผิดชอบในฐานะหมอ”

เจียงเหมยอิ่งพยักหน้าติดต่อกัน แสดงให้เห็นว่าตนเองเข้าใจแล้ว

“วิธีบำบัดโรคอีดีด้วยแพทย์แผนโบราณ เราก็ลองมาหมดแล้ว อิ่งจื่อ เธอก็รู้ ไม่ว่าจะเป็นจิตบำบัดหรือการบำบัดทางเลือกก็ล้วนคืบหน้าไปได้มาก เธอเองก็มีความปรารถนาแรงกล้า อยากรักษาโรคอีดีให้หาย แต่อาการของเธอค่อนข้างพิเศษเฉพาะทาง” เซียวอิ่นจางพูดวิเคราะห์ “อาการป่วยของเธอเดิมทีก็ไม่ใช่โรคเบื่ออาหารที่มีสาเหตุจากจิตใจที่เป็นประเภทปกติ นับว่าเป็นโรคการกินผิดปกติที่ไม่ปกติ สาเหตุการเกิดโรคอีดีมีมากมาย เธอไม่ได้มีสาเหตุมาจากพันธุกรรมสักหน่อย พวกเราต่างก็รู้ดี”

พูดถึงตรงนี้เซียวอิ่นจางก็ชะงักครู่หนึ่ง สังเกตปฏิกิริยาของเจียงเหมยอิ่ง เมื่อเห็นสีหน้าของเธอเป็นปกติ เขาจึงพูดต่อว่า “เป็นเพราะสภาพแวดล้อม”

เจียงเหมยอิ่งใจกระตุกเล็กน้อย เธอผงกศีรษะแล้วเอ่ยตอบเสียงเบา “ฉันรู้”

“การรักษาโรคจิตเวช เราก็พยายามกันมานานแล้ว แต่เธอปฏิเสธที่จะทำการปรับพฤติกรรมมาโดยตลอด พวกเราก็เริ่มกันตั้งแต่วิธีที่ละมุนละม่อม ตอนนี้เธอก็ให้ความร่วมมือกับการรักษาอย่างแข็งขัน และก็มีความหวังที่จะสามารถรักษาได้ อีกอย่าง เธอเองก็กำลังพยายามอยู่ ฉันเห็นสูตรอาหารที่เธอทำออกมาใหม่เมื่อวานแล้ว เธอกำลังค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลง สำหรับคนอื่นแล้วนี่เป็นสัญญาณที่บอกว่าการรักษาประสบผลสำเร็จ แต่อิ่งจื่อ เธอไม่เคยมีเลย ต่อให้น้ำหนักของเธอถึงเกณฑ์สมส่วนของ BMI เธอก็จะไม่มีความคืบหน้าใดๆ อีกแล้ว ฉันคิดว่าเธอรู้ว่าเพราะอะไร” เซียวอิ่นจางพูดกับเจียงเหมยอิ่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เจียงเหมยอิ่งก้มหน้าลงเล็กน้อยและถอนหายใจ “ฉันพูดออกมาไม่ได้ ฉันพยายามมากแล้ว…แต่…”

“ฉันเองก็ไม่อยากให้เธอกลับไปคิดถึงความทุกข์พวกนั้นอีก แต่สักวันหนึ่งมันก็จำเป็นที่จะต้องเผชิญหน้ากับมัน” น้ำเสียงของเซียวอิ่นจางอ่อนโยนมาก เจียงเหมยอิ่งไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองใจ เธอเพียงละอายใจ ละอายใจต่อคนรอบข้างที่รักเธอ

“ขอโทษนะ ฉันไม่กล้า” เจียงเหมยอิ่งเปล่งถ้อยคำออกมาจากลำคอ

“ไม่เป็นไร” เซียวอิ่นจางปลอบเธอ “ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เธอดูสิ ตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งโอกาสอยู่ตรงหน้าเราแล้ว”

เจียงเหมยอิ่งเงยหน้ามองเขา

เซียวอิ่นจางเคาะโต๊ะ ชี้ไปที่กิมจิบนโต๊ะแล้วพูดว่า “นี่ก็คือโอกาส ถึงฉันจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงไม่มีอาการกับแค่อาหารที่หานต้งคนนั้นทำ แต่นี่ก็เป็นข่าวดี พวกเราต้องใช้มัน”

คำว่า ‘พวกเรา’ โน้มน้าวจิตใจของเจียงเหมยอิ่งให้รู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว อย่างน้อยก็ยังมีหมอเซียวที่เป็นเพื่อนในวัยเด็กของเธอคอยช่วยเหลือ

ความกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเมื่อตอนแรกค่อยๆ มลายหายไป เธอพยักหน้า

“เธอก็ถือโอกาสนี้เป็นการเริ่มต้น ออกไปเดินเล่นบ่อยๆ สักหน่อย พบปะกับสังคมภายนอก ก็ไม่เลวทีเดียว”

เจียงเหมยอิ่งพยักหน้า “ฉันจะพยายาม”

เซียวอิ่นจางเดินมาข้างๆ เจียงเหมยอิ่ง ทรุดตัวนั่งยองๆ เงยหน้ามอง เขากุมมือของเจียงเหมยอิ่งที่กำลังกำแน่นและพูดเบาๆ “ถ้ามีเวลาก็ไปร้านบะหมี่ร้านนั้น ลองชิมอาหารหลายๆ อย่าง พอนานไปอาจจะพบว่าสามารถกินอาหารที่คนอื่นทำได้ก็ได้ ถือโอกาสนี้คบหาเพื่อนบ้าง มันก็มีส่วนช่วยให้เธอหลุดพ้นจากโรคอีดีได้”

เจียงเหมยอิ่งพยักหน้า มือของเซียวอิ่นจางอุ่นมาก ทำให้หัวใจของเธออบอุ่นตามไปด้วย

“ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่ตรงนี้เสมอ” เขาพูดอย่างจริงจัง

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in With Love

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com