With Love
ทดลองอ่าน เชฟคนนี้มีรักมาเสิร์ฟ! บทที่ 2-บทที่ 3
3
หลายวันต่อมา เวลาอาหารค่ำ
“เถ้าแก่คะ คุณเจียงมาอีกแล้ว” หวงหรูหรูพิงประตูห้องครัวแล้วเอ่ยเสียงเบา “วันนี้สั่งไข่ดาวค่ะ”
“ไข่ดาว?” พอหานต้งได้ยินก็ขมวดคิ้ว และถามกลับด้วยความประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ เป็นไข่ดาว ฟองเดียว ไม่ใส่ซีอิ๊ว” หวงหรูหรูพยักหน้า
เจิ้งหลินเทียนยู่ปาก “ลดน้ำหนักสินะ”
หวงหรูหรูพูดเสริม “อ้อ อีกอย่าง คุณเจียงหวังว่าเถ้าแก่จะลงมือทำเองด้วยค่ะ”
มือของหานต้งที่กำลังคีบเต้าหู้แห้งหยุดชะงัก เขาพยักหน้าเพื่อแสดงว่าตนเองได้ยินแล้ว
เจิ้งหลินเทียนพึมพำกับตัวเองอยู่ด้านข้างว่าเจียงเหมยอิ่งมีอคติกับเขาหรือเปล่า ฝีมือทำอาหารของเขาก็ดีมากนะ
ความรู้สึกที่หานต้งมีต่อเจียงเหมยอิ่งนั้นซับซ้อนมาก
ท่าทางที่เธอดื่มน้ำขิงในวันนั้น หานต้งจำได้ไม่ลืม เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มที่มีนัยซับซ้อนแบบนั้นมาก่อน หานต้งอ่านไม่ออก จึงยิ่งสนใจมากขึ้น
แต่ท่าทีที่เธอมาขอโทษเขาเพราะเรื่องรายการนั้นไม่จริงใจเอาเสียเลย คล้ายกับฝืนใจไล่เป็ดขึ้นคอน* หานต้งอดคิดไม่ได้ว่ามุมมองส่วนตัวของเธอคงจะเหมือนกับสิ่งที่แสดงออกมาในตอนที่เธอตัดต่อวิดีโอใช่หรือไม่ คิดว่าเขารุนแรงกับเจิ้งหลินเทียนเกินไป และเป็นพวกเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์กับการทำอาหารและเรื่องอาหารการกินมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เองตอนที่มาขอโทษจึงไม่ได้รู้สึกผิดจากก้นบึ้งหัวใจ
ยิ่งเคารพอาหาร ก็จะยิ่งเข้าใจในการที่เขาเข้มงวดกับข้อกำหนดในด้านนี้
หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือเจียงเหมยอิ่งไม่เคารพอาหารใช่หรือไม่
หานต้งยืนอยู่ตรงประตูห้องครัว สังเกตเจียงเหมยอิ่ง หัวคิ้วค่อยๆ ผูกเข้าหากัน
แม่สาวน้อยที่ผมสั้นเท่าติ่งหูคนนี้ ลักษณะอายุประมาณยี่สิบสองยี่สิบสาม ท่าทางกลัวคนแปลกหน้าและค่อนข้างโลกส่วนตัวสูง เมื่ออยู่ในร้าน ทำอะไรก็ระแวดระวังไปหมด สวมชุดวอร์มธรรมดาๆ สบายๆ ไหปลาร้าเด่นชัด มองออกว่าร่างกายผอมบางเป็นพิเศษ ใบหน้าเล็กมาก แต่สีหน้าขาวซีดไม่มีสีเลือด ดวงตาคู่นั้นมีแววเฉลียวฉลาดและมีเสน่ห์ หางตาเฉียงขึ้นเล็กน้อย สวยมาก
เวลานี้เธอจับจ้องไปยังจานที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น ใช้ตะเกียบทิ่มลงไปบนไข่ดาว จากนั้นก็เฉือนตรงมุมเบาๆ ตอนที่เห็นไข่แดงไหลเยิ้มออกมา ดวงตาก็พลันเป็นประกาย ในแววตาเต็มไปด้วยความสดใสยินดี ทำให้คนมองแล้วอารมณ์ดีตามไปด้วย
สาขาหลักของซานเว่ยฟางที่ปักกิ่ง เขาเคยเห็นลูกค้าที่เห็นอาหารราวกับเป็นขุมสมบัติมานักต่อนัก แต่คนเหล่านั้นล้วนเป็นพวกตะกละ มักจะให้ความสำคัญกับโอกาสที่จะได้ลิ้มรสวัตถุดิบบางอย่างซึ่งมีแค่ครั้งเดียวในหนึ่งปีเป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้เองแม้สีหน้าจะเคร่งขรึม ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความตะกละ
ในแววตาของผู้หญิงคนนี้แม้จะมีความสุข ทว่าความสุขนี้กลับมีอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก ราวกับเป็นความปีติยินดีเมื่อได้รับหยาดฝนหลังจากที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน ในความเยือกเย็นนั้นมีความประหลาดใจพุ่งทะลุออกมา
เธอสำรวจไข่ดาวราวกับกำลังส่องกล้องจุลทรรศน์ดูส่วนประกอบ ตรวจสอบอย่างละเอียด จากนั้นก็ค่อยๆ คีบส่วนที่เฉือนออกมาอย่างระมัดระวัง
ไข่ดาวชิ้นเล็กๆ ชิ้นนั้นเล็กกว่าเล็บนิ้วมือด้วยซ้ำ หานต้งเพียงเห็นร่างกายเธอชะงักไป เบะปาก ดูท่าทางสะเทือนอารมณ์มาก
หานต้งมองเธอที่ค่อยๆ กินไข่ดาวหมดไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็หยุดลงอย่างกะทันหัน เธอไม่ได้หยิบตะเกียบขึ้นมาอีก
สั่งไข่ดาวฟองเดียวแล้วก็ยังเหลืออีกตั้งครึ่งหนึ่ง? กินทิ้งกินขว้างเกินไปแล้ว
หานต้งรู้สึกรำคาญ นี่คงจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำของเขา เมื่อเห็นคนอื่นกินทิ้งกินขว้าง เขามักจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ตอนนี้เห็นเจียงเหมยอิ่งแล้วก็ยิ่งเป็นมากขึ้นไปอีก
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะหมุนกายเข้าไปในครัว
เจิ้งหลินเทียนเงยหน้าขึ้นก็เห็นความไม่พอใจบนใบหน้าอาจารย์ของตน แม้หานต้งจะยังคงอารมณ์สงบนิ่ง แต่เป็นศิษย์อาจารย์กันมาสามปี มองแวบเดียวเจิ้งหลินเทียนก็รู้แล้วว่าหานต้งไม่พอใจ
“เป็นอะไรไปครับอาจารย์ ถึงได้อารมณ์ไม่ดีขนาดนี้”
หานต้งส่ายหน้า อารมณ์คุกรุ่นไม่พูดไม่จาอยู่นาน
ขณะที่เจิ้งหลินเทียนคิดว่าเขาคงไม่ตอบแล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินหานต้งพูดว่า “จะดีแค่ไหนถ้ามีผู้หญิงที่รักการกินและก็ไม่กินทิ้งกินขว้าง”
เจิ้งหลินเทียนงงงัน ถามเขาอย่างลังเลว่า “อาจารย์…หมายถึง…พี่เหมียวสินะครับ?”
“…” จู่ๆ ก็พูดถึงเหมียวเหมี่ยว อารมณ์ของหานต้งพลันจมดิ่ง เขาชำเลืองมองเจิ้งหลินเทียน ไม่ได้พูดอะไร ทว่าอานุภาพที่อยู่ในแววตาคู่นั้นถึงกับทำให้เจิ้งหลินเทียนตัวสั่นระริก
เจิ้งหลินเทียนรีบหันเหความสนใจของหานต้ง “อาจารย์ ร้านสาขาย่อยของเราจะเปิดกิจการเมื่อไหร่ล่ะครับ”
“ได้เงินทุนเต็มจำนวนแล้วก็โอเค” หานต้งตอบ
ตอนออกมาจากปักกิ่ง บัตรธนาคารทั้งหมดของเขาถูกอายัด ปีที่แล้วเพิ่งจะคืนดีกับพ่อ ช่วงนี้จึงค่อยๆ ปลดอายัดบัตร พอถึงเวลาก็จะมีเงินทุน และค่อยๆ เริ่มโปรเจ็กต์ของเขา
เขาอยากจะสร้างอาณาจักรอาหารเกรดบีที่ยิ่งใหญ่เหมือนซานเว่ยฟาง แต่วางตำแหน่งทางการตลาดไม่เหมือนกับซานเว่ยฟางทั้งหมด
เจียงเหมยอิ่งพอใจมาก ไข่ดาวที่ทอดด้วยน้ำมันหมู มันกำลังพอดีและหอมมาก ขอบไข่ชั้นนอกเป็นสีเหลืองทอง กรอบ
น้อยครั้งที่เธอจะกินไข่ที่มันขนาดนี้ แถมยังกินไปได้มากกว่าครึ่ง คืบหน้าไปได้มากทีเดียว เจียงเหมยอิ่งอยากจะบอกข่าวดีให้พ่อแม่และเซียวอิ่นจางได้รู้โดยทันที
แต่ตอนนี้เธอยังมีภารกิจอื่นอีก พอคิดถึงภารกิจขึ้นมา อารมณ์ก็พลันดำดิ่ง รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
เธอรอให้คนค่อยๆ บางตาลงเหมือนอย่างเคย ฉวยโอกาสตอนที่หานต้งออกมาจากห้องครัว ร้องเรียกหานต้งเสียงเบา
หานต้งขมวดคิ้ว ถามว่า “มีอะไรครับ”
เจียงเหมยอิ่งเลียริมฝีปาก รู้สึกคุ้นตากับหานต้งในมุมนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว เธอใจกล้าขึ้นนิดหน่อย ฉีกมุมปาก ยิ้มอย่างแข็งกระด้าง “คือว่า…เรื่องเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันขอโทษคุณจากใจจริงจริงๆ ค่ะ”
น้ำเสียงสุภาพมากเกินไป กลับทำให้หานต้งรู้สึกไม่ชิน
เขาเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที
เจียงเหมยอิ่งหน้าด้านพูดต่อไปพลางหยิบเอานามบัตรของผู้กำกับหลิวและของตัวเองออกมาจากกระเป๋า “อีกอย่าง…คือว่า…แค่ก รบกวนคุณเก็บอันนี้ไว้หน่อยนะคะ บริษัทของเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถร่วมงานกับคุณได้มากยิ่งขึ้น”
“…” หานต้งไม่ได้รับไว้ในทันที แต่หลุบตามองนามบัตร
นามบัตรของผู้กำกับหลิวอยู่ด้านบน เจียงเหมยอิ่งก้มหน้า ใช้สองมือยื่นให้ ท่าทางราวกับกำลังแบกรับภาระอันหนักอึ้งด้วยความอดทน หานต้งมองไม่เห็นนามบัตรของเจียงเหมยอิ่งที่อยู่ข้างใต้
หานต้งปฏิเสธเสียงเย็น “คุณเก็บกลับไปเถอะ”
เจียงเหมยอิ่งอึ้งไป “ทำไมคะ”
“หัวหน้าของคุณให้คุณมาเพราะอยากจะมีคอนเน็กชั่นกับซานเว่ยฟางสินะ แล้วที่คุณมาขอโทษผมหลายครั้งขนาดนี้ก็เพราะเหตุผลนี้ใช่หรือเปล่า” หานต้งพูดอย่างเย็นชา
ที่เขาพูดเป็นความจริง เจียงเหมยอิ่งไร้ข้อแก้ตัว ใบหน้าของเธอขาวซีด ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“ผมเคยบอกไปแล้วว่าผมไม่โกรธ จะขอโทษหรือไม่ขอโทษก็ไม่เป็นไร”
“แต่ว่า…”
หานต้งถอนหายใจเบาๆ “และตอนนี้ผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับซานเว่ยฟางแล้ว พวกคุณมาหาผม ผมก็ให้พวกคุณไปถ่ายทำรายการที่ซานเว่ยฟางไม่ได้หรอก”
หานต้งไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับซานเว่ยฟางอีก เพียงแค่อยากอาศัยความพยายามและความสามารถของตนเองเท่านั้น
เจียงเหมยอิ่งหน้าแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอายหรือเพราะโมโหกันแน่
“เถ้าแก่หาน…แค่เรื่องเก็บนามบัตรสองใบ…”
หานต้งกลับถามเธอว่า “คุณชอบอาหารที่ผมทำเหรอ”
เจียงเหมยอิ่งอึ้งไป ตอบไปตามจิตใต้สำนึก “ชอบค่ะ” อาหารที่หานต้งทำ เธอสามารถกินได้ในตอนนี้ซึ่งเป็นอย่างที่สอง ส่วนอีกอย่างก็คืออาหารที่เธอทำ
“ผมไม่ยักจะมองออก” หานต้งคัดค้านคำพูดของเธออย่างตรงไปตรงมา
หานต้งไม่เข้าใจว่าเจียงเหมยอิ่งคิดอย่างไรกับอาหารที่ตนเองทำ เธอมาที่ร้านไม่กี่ครั้ง ไม่เคยกินอะไรหมดเลย แถมยังเหลืออีกมากกว่าครึ่ง เขามองไม่ออกจริงๆ เลยว่าเจียงเหมยอิ่งชอบอาหารที่เขาทำ
เจียงเหมยอิ่งคงแค่มาทำภารกิจของเจ้านายให้สำเร็จเท่านั้น
เพียงคำคัดค้านออกมาจากปากของหานต้ง ใบหน้าของเจียงเหมยอิ่งเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด สีหน้ายิ่งไม่น่ามอง
เธอจะไม่ชอบอาหารที่ตัวเองกินลงได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าที่ทำมานั้นอร่อยมากด้วย!
ท่าทีของหานต้งนั้นเห็นได้ชัดว่ามีอคติกับเธอ
เจียงเหมยอิ่งไม่พอใจ “หานต้ง ถ้าคุณจะตำหนิฉันเพราะเรื่องรายการที่ฉันและบริษัทของเราทำ งั้นฉันก็ขอโทษคุณแทนตัวฉันเองและบริษัทของเราก็แล้วกัน แต่ฉันขอร้องคุณว่าอย่ามาตัดสินความคิดของคนอื่นตามใจชอบ”
หานต้งได้ยินคำพูดของเธอก็อึ้งไป เสียงของเธอไม่ได้แผ่วเบาเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่กลับกัน น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นไม่น้อย หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่จริงจังของเจียงเหมยอิ่ง
“บนโลกนี้ไม่มีใครชอบอาหารอร่อยๆ ไปมากกว่าฉันอีกแล้ว คุณไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของฉันหรอก” เจียงเหมยอิ่งพูดมาถึงตอนท้าย เธอสะอื้นเล็กน้อย จ้องมองหานต้งด้วยขอบตาแดงก่ำ ก่อนจะหิ้วกระเป๋าและสะบัดศีรษะออกจากร้านไป
หานต้งหันหลังให้ประตู ยังคงตกอยู่ในภวังค์จากคำพูดของเธอ
คำพูดเมื่อกี้นี้ออกมาจากใจของเจียงเหมยอิ่งอย่างแท้จริง ถึงขั้นฟังออกว่าเธอไม่พอใจเอามากๆ
หานต้งเริ่มครุ่นคิดว่าตนเองเข้าใจเจียงเหมยอิ่งผิดไปหรือเปล่า