ทดลองอ่าน เชฟคนนี้มีรักมาเสิร์ฟ! บทที่ 4-บทที่ 5 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

With Love

ทดลองอ่าน เชฟคนนี้มีรักมาเสิร์ฟ! บทที่ 4-บทที่ 5

2

หานต้งรู้ว่าเจียงเหมยอิ่งคงไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว เขามองนามบัตรสองใบในมือของตัวเอง ใบหนึ่งเป็นของหัวหน้าเจียงเหมยอิ่ง อีกใบหนึ่งมีเบอร์โทรศัพท์มือถือที่คุ้นตาพิมพ์อยู่บนนั้น ซึ่งก็คือเบอร์ที่ทำให้หานต้งค้นพบความเกี่ยวพันอันซับซ้อนระหว่างตนเองกับเจียงเหมยอิ่ง

หานต้งรู้ว่าตนเองถูกลากเข้าแบล็กลิสต์ไปแล้ว เขาติดต่อเจียงเหมยอิ่งไม่ได้ คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะติดต่อไปยังเบอร์ที่อยู่บนนามบัตรอีกใบ

“สวัสดีครับ ผมคือหานต้ง ไม่ทราบว่าคุณคือผู้กำกับหลิว หลิวอีหนานใช่ไหมครับ”

หานต้งคิดว่าถ้าตนเองเป็นเจียงเหมยอิ่งก็คงโกรธมากอย่างนี้เหมือนกัน คนที่ไม่เคารพคนอื่นจริงๆ แล้วก็คือตัวเขาต่างหาก

แต่ว่า…เขาอยากเจอเจียงเหมยอิ่งอีกครั้งจริงๆ

ช่วงนี้หานต้งกำลังดูรายละเอียดจากธนาคารที่เขาได้รับการปลดอายัด ลอบดีดลูกคิดรางแก้วในใจ

เดิมทีนี่ก็คือเงินที่เขาหามาด้วยตัวเอง แต่ว่าผูกอยู่กับบัญชีของบริษัท นายท่านหานถึงได้มีสิทธิ์อายัดบัญชีของเขา

ตอนที่มาฝูเฉิงเมื่อสามปีก่อน หานต้งมีแค่บัตรเอทีเอ็มที่พ่อยังไม่เจอพกติดตัวมา ในนั้นมีเงินอันน่าสงสารอยู่แค่ไม่กี่แสน หลังจากเปิดร้านบะหมี่ก็เหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว

ตอนนี้เงินที่เป็นของเขากลับมาแล้ว เขาสามารถขยายกิจการของตัวเองได้ สาขาย่อยเองก็มีงบดำเนินการแล้ว

ยังไม่ถึงช่วงเวลาเร่งด่วน ในร้านจึงไม่ค่อยมีคน หานต้งกำลังคิดบัญชีอยู่ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาในร้าน

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าหานต้งอยู่ไหม” เสียงผู้ชายที่ฟังดูอบอุ่นดังมาจากหลังเครื่องคอมพิวเตอร์

เจิ้งหลินเทียนกำลังย้ายขนมจ้าง พอได้ยินเสียงก็ลุกขึ้นยืน มองผู้มาใหม่แล้วค่อยก้มหน้ามองหานต้งที่กำลังนั่งอยู่ “อาจารย์?”

หานต้งพยักหน้า ลุกขึ้นแล้วเดินมายังตรงหน้าอีกฝ่าย ตอบอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ ผมหานต้ง ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า”

ผู้มาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง คาดว่าน่าจะสูงประมาณร้อยแปดสิบเซนติเมตร ดูๆ แล้วน่าจะอายุพอๆ กับหานต้ง เส้นผมนุ่มลื่นยาวจนปกคลุมใบหู รูปร่างลักษณะดูมีสง่าราศี สวมแว่นตาไร้กรอบ บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มจริงใจ แม้เครื่องหน้าจะไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ แต่ก็ยังน่ามอง

เขาล้วงนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือของตนเอง ยื่นให้หานต้งด้วยสองมือ และแนะนำตัวว่า “คุณหาน สวัสดีครับ ผมชื่อเซียวอิ่นจาง”

“ครับ” หานต้งรับนามบัตรมา ก้มหน้ากวาดตามองแวบหนึ่ง

จิตแพทย์? หานต้งขมวดคิ้ว นำอาชีพจิตแพทย์และผู้ชายที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้านี้มาจับเข้าคู่กันอย่างนึกสงสัย

“สะดวก…คุยกันตามลำพังสักครู่ไหมครับ” เซียวอิ่นจางถามด้วยท่าทีนุ่มนวล

ใบหน้าเย็นชาของหานต้งปรากฏความระแวดระวัง เป็นอย่างที่เซียวอิ่นจางคาดไว้ เขาจึงเผยรอยยิ้มเป็นมิตรและพูดเสริม “เรื่องเกี่ยวกับเหมยอิ่งครับ”

ไม่เหนือความคาดหมาย เขาเห็นความยุ่งเหยิงบนใบหน้าหานต้งชั่วขณะ จากนั้นก็เห็นผู้ชายที่เก็บอารมณ์เก่งคนนี้เลิกคิ้วขึ้น

นี่เป็นอารมณ์ของการถูกกระตุ้นให้สงสัย

อาการของผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ไม่อนุญาตให้เปิดเผย นี่คือจรรยาบรรณของอาชีพจิตแพทย์

เซียวอิ่นจางรู้จักใช้ไหวพริบ ภายในร้านบะหมี่ไม่มีพื้นที่เงียบสงบพอที่จะพูดคุยได้ เซียวอิ่นจางจึงเชิญหานต้งไปขึ้นรถของตนเอง กล่าวขออภัยอย่างสุภาพ “ขอโทษนะครับที่รบกวนเวลาค้าขายของคุณ”

“ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ไม่ได้ยุ่ง” หานต้งดึงหมวกเชฟที่เหน็บไว้กับสายคาดเอวมาถือไว้ในมือ

เซียวอิ่นจางมองท่าทางของเขาที่จับจ้องบรรยากาศภายในร้านซึ่งอยู่นอกหน้าต่างรถ หานต้งดูกระอักกระอ่วนที่อยู่ในที่เล็กแคบตามลำพังกับเขา

เขายิ้มพลางกล่าวอย่างรู้สึกขอโทษ “ในรถค่อนข้างแคบ ลำบากคุณแล้ว”

หานต้งนิ่งงัน เขาเหลือบมองเซียวอิ่นจางโดยไม่พูดจา เพียงแค่พยักหน้า ลางสังหรณ์บอกเขาว่าผู้ชายคนนี้รับมือยาก ไม่เหมือนกับเจียงเหมยอิ่งและเพื่อนร่วมงานที่ถ่ายทำรายการพวกนั้นของเธอ

แต่ไหนแต่ไรมาหานต้งเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา เปิดเผย และจริงจัง ฐานะทางครอบครัวได้เปรียบมาตั้งแต่ยังเล็ก ที่บ้านเข้มงวดกับเขามากกว่าครอบครัวของคนทั่วไป อีกทั้งยังต้องฝึกทักษะการทำอาหารตั้งแต่เด็ก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาดูนิ่งขรึมเป็นผู้ใหญ่อย่างทุกวันนี้

หานต้งเก่งกาจในด้านการทำอาหารและการบริหารบริษัท แต่กลับไม่รู้ว่าควรรับมือกับคนที่เชี่ยวชาญการอ่านใจคนอย่างเซียวอิ่นจางอย่างไร

“ผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อเซียวอิ่นจาง เป็นจิตแพทย์ของคลินิกจิตเวชถูจางและเป็นเพื่อนกับเจียงเหมยอิ่งครับ”

หานต้งพยักหน้า รู้สึกว่าชื่อคลินิกจิตเวชถูจางนี่คุ้นหูมาก ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะดังในเมืองฝูเฉิง

คนตรงหน้านี่คงจะช่วยออกหน้าแทนเจียงเหมยอิ่ง แต่ทำไมถึงเป็นจิตแพทย์ หานต้งรู้สึกแปลกใจมาก

เขายื่นมือออกไป “ผมหานต้งครับ”

ทั้งสองคนจับมือกันก็นับว่ารู้จักกันแล้ว

“มีธุระอะไรจะคุยเหรอครับ” หานต้งถามอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขายังต้องไปดูแลลูกค้าอีกเยอะ

เซียวอิ่นจางเม้มปาก ท่าทีสุภาพ “เรื่องเกี่ยวกับอิ่งจื่อ อ้อ เกี่ยวกับเจียงเหมยอิ่งน่ะครับ ก่อนหน้านี้ที่เธอกับคุณมีปัญหากัน”

หานต้งพยักหน้า ในใจคิดว่าเซียวอิ่นจางคนนี้มาช่วยออกหน้าแทนเจียงเหมยอิ่งจริงๆ ด้วย ในเมื่อเขาผิด งั้นก็ควรขอโทษ

“เรื่องนี้เป็นความผิดของผมเองครับ ผมอยากจะขอโทษเธอมาตลอด แต่ว่าติดต่อเธอไม่ได้”

น้ำเสียงของหานต้งราบเรียบ แต่เซียวอิ่นจางสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่ส่งออกมา

เจียงเหมยอิ่งมาหาหานต้งเพื่อขอโทษและมอบนามบัตรมาโดยตลอด ทำให้หานต้งทนรำคาญไม่ไหว แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ตำหนิเจียงเหมยอิ่งว่าไม่เคารพอาหารจนถึงขั้นสงสัยในความจริงใจของเธอ

เซียวอิ่นจางรู้ว่าการเคลือบแคลงนี้ทำให้เจียงเหมยอิ่งเจ็บปวดมาก ไม่มีใครเคารพอาหารได้มากกว่าเธอแล้ว

เซียวอิ่นจางผงกศีรษะ “คำขอโทษ คุณไปบอกเธอเองดีกว่าครับ ตอนนี้เราจะคุยกันเรื่องอื่น”

หานต้งเงยหน้ามองเขา ในแววตาเจือด้วยความแปลกใจ

เซียวอิ่นจางเคยสืบเรื่องของหานต้ง ครอบครัวของเขาเรียกได้ว่าร่ำรวยทีเดียว ทว่าตั้งแต่เด็กเขาก็อมทุกข์ พูดน้อย ทำจริง เป็นคนที่เชื่อถือได้ และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ จากบทสนทนาเมื่อสักครู่ หานต้งสุภาพมาก และก็ตั้งใจฟังผู้อื่นพูดอย่างละเอียด เป็นคนที่เอาใจใส่และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

เซียวอิ่นจางรู้ดีว่าการที่ตนเองทำแบบนี้เป็นการผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่เจียงเหมยอิ่งไม่ใช่คนอื่น เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เขาเฝ้าทะนุถนอม หวังว่าเธอจะมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีความสุข

“ผมขอให้คุณช่วยอะไรสักอย่างได้ไหมครับ” เซียวอิ่นจางถามหานต้ง

หานต้งขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณบอกมาก่อนสิครับว่าเรื่องอะไร”

“สามารถ…ทำอาหารให้เจียงเหมยอิ่งโดยเฉพาะได้ไหมครับ”

เป็นคำขอที่ประหลาดมาก แม้หานต้งจะไม่ได้คิดว่าเป็นการจาบจ้วง แต่ก็ไม่ได้ตกปากรับคำในทันที เขาถามอย่างนึกสงสัย “เชฟส่วนตัว?”

เซียวอิ่นจางคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ไม่เชิงว่าเป็นเชฟส่วนตัวหรอกครับ…เหมือนเป็นนักกำหนดอาหารมากกว่า”

“…” หานต้งมองเซียวอิ่นจางด้วยความกังขา คิดครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “นักกำหนดอาหาร? สุขภาพของเจียงเหมยอิ่งไม่ดีเหรอครับ”

ในเมื่อหานต้งถามอย่างนี้แล้ว เซียวอิ่นจางคิดว่าต่อไปคงปิดบังไม่ได้แล้ว จึงตัดสินใจหยิบเอากระดาษเอสี่ฉบับสำเนาสองชุดออกมาจากกระเป๋า

เขาบอกหานต้งว่า “คุณอยากรู้ใช่ไหมครับว่าทำไมเจียงเหมยอิ่งไปสั่งอาหารที่ร้านคุณทุกวัน แต่กลับกินแค่คำเดียวแล้วก็ไม่กินอีก”

หานต้งพยักหน้า

เขาสงสัยในตัวเจียงเหมยอิ่งเป็นอย่างมาก หลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสนใจใคร่รู้ในตัวคนคนหนึ่งมากมายขนาดนี้

เซียวอิ่นจางส่งหนังสือสัญญาสองชุดให้กับหานต้งแล้วแนะนำว่า “นี่เป็นสัญญารักษาความลับ ผมเป็นจิตแพทย์ มีเรื่องมากมายที่ผมไม่ควรจะเล่า แต่ว่า…เพื่อเจียงเหมยอิ่ง ผมได้แต่ต้องขอร้องคุณ ดังนั้นผมจะบอกบางเรื่องกับคุณ ถ้าคุณยินดีที่จะช่วย ผมกับเจียงเหมยอิ่งก็รู้สึกขอบคุณคุณมาก แต่ถ้าคุณไม่ยินดีช่วย ผมหวังว่าคุณจะทำเหมือนไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน”

นี่เป็นการขอร้องที่เผด็จการและประหลาดมาก หานต้งได้ยินแล้วก็คิ้วขมวด รับหนังสือสัญญามา ข้อตกลงในนั้นเขียนได้รวบรัดเข้าใจง่าย จุดประสงค์ว่าด้วยเรื่องทั้งหมดที่ทั้งสองฝ่ายได้คุยกันในวันนี้ล้วนไม่อนุญาตให้แพร่งพรายออกไป

หานต้งไม่เข้าใจจึงเอ่ยถาม “เกี่ยวกับเจียงเหมยอิ่ง?”

“ครับ”

“ทำไมต้องรักษาความลับ”

เซียวอิ่นจางยิ้ม “เกี่ยวกับ…อาการป่วยของเจียงเหมยอิ่ง”

หานต้งเอ่ย “อาการป่วย?”

เซียวอิ่นจางพยักหน้า “ครับ ภายนอกเธอดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมคิดว่าในฐานะเชฟ คุณก็น่าจะรู้สึกถึงความแปลกแยกระหว่างเจียงเหมยอิ่งกับคนทั่วไปได้นะครับ”

หานต้งขมวดหัวคิ้วเล็กน้อย ย้อนนึกไปถึงความขัดแย้งทุกอย่างในตัวเจียงเหมยอิ่งก็พยักหน้า

เซียวอิ่นจางเม้มปาก น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเป็นหนักแน่น “ในฐานะจิตแพทย์ จะต้องรักษาความลับให้กับเธอ แต่ผมคิดว่า…สามารถร่วมมือกับคุณได้ ทำให้อาการป่วยของเธอดีขึ้นไปจนถึงรักษาให้หายขาด ดังนั้นผมจึงร่างสัญญารักษาความลับฉบับนี้มา ผมอยากขอให้คุณช่วยผมครับ”

หานต้งจ้องสัญญารักษาความลับจนเหม่อลอย เนิ่นนานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ “ทำอาหารให้เจียงเหมยอิ่งโดยเฉพาะ?”

เซียวอิ่นจางพยักหน้า มองเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวัง

คนคนนี้เก่งมาก หานต้งนับถือเซียวอิ่นจางจากก้นบึ้งหัวใจ สามารถวางทิฐิลงในฐานะผู้ชายคนหนึ่งมาขอร้องคนแปลกหน้าให้ช่วยคนไข้ของตนเอง เป็นจิตแพทย์ที่คิดถึงคนไข้ด้วยใจจริง

เขาปฏิเสธอย่างนิ่มนวล “ขอโทษด้วยนะครับ ปกติที่ร้านผมก็ยุ่งมากอยู่แล้ว คงจะไม่มีเวลาไปทำอาหารให้เธอตามลำพังหรอก”

หานต้งไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ แต่เขาไม่มีเวลาจริงๆ อย่าว่าแต่เป็นนักกำหนดอาหารเลย รสชาติที่ถูกปากเจียงเหมยอิ่งเขาก็ไม่รู้ จะให้ไปทำอาหารที่เธอชอบให้เธอคนเดียวโดยเฉพาะก็เป็นการเสียเวลาเกินไปแล้ว

เซียวอิ่นจางรีบอธิบาย “คุณไม่จำเป็นต้องออกมาทำให้เธอเป็นพิเศษหรอกครับ แค่ตอนที่เธอมาสั่งอาหาร คุณพยายามทำให้รสชาติอ่อนลงหน่อยก็พอแล้ว ไม่ว่าเธอจะกินทิ้งกินขว้างหรือไม่ ก็ได้โปรดอย่าต่อว่าเธอเลยนะครับ นี่เป็นสิ่งที่เธอควบคุมไม่ได้”

คำขอนี้นั้นสมเหตุสมผล แต่…กินได้มากน้อยแค่ไหนไม่ใช่ว่าควบคุมเองได้หรอกเหรอ

ในใจเขายังคงเคลือบแคลง “ตกลงว่าเธอป่วยเป็นอะไรกันแน่ ทำไมต้องเป็นผมด้วย” ถึงขั้นจำเป็นต้องให้เขาช่วยเหรอ

นี่ก็หมายความว่าเป็นการตกลงแล้ว

เซียวอิ่นจางไม่ตอบ แต่ใช้สายตาบุ้ยใบ้ไปที่สัญญารักษาความลับที่อยู่ในมือหานต้ง

หานต้งหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็รับปากกาที่เซียวอิ่นจางส่งมาให้ เซ็นชื่อสกุลของตนเองลงไปอย่างบรรจง

เมื่อเห็นลายเซ็นของหานต้ง เซียวอิ่นจางก็แน่ใจแล้วว่าหานต้งคือคนที่ตำหนิเจียงเหมยอิ่งว่ากินทิ้งกินขว้างจริงๆ ลายเซ็นของหานต้งสวยมาก แม้จะเป็นอักษรหวัดแกมบรรจง แต่ก็เป็นระเบียบมาก ดูออกว่าหานต้งเป็นคนที่ทำอะไรจริงจังมาก

เซียวอิ่นจางเซ็นชื่อของตนเองลงไปอย่างพลิ้วไหวทรงพลัง จากนั้นก็ทำเป็นคู่สำเนา ทั้งสองคนต่างก็เก็บไว้คนละหนึ่งฉบับ

เมื่อมีสัญญาใจกันแล้ว เซียวอิ่นจางจึงเอ่ยปากอย่างเนิบช้า “เจียงเหมยอิ่งป่วยเป็นโรคเบื่ออาหารที่มีสาเหตุจากจิตใจครับ”

ในใจหานต้งพลันเต้นรัว สาเหตุนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่ก็มีเหตุผล

ทันใดนั้นเองความไม่สมเหตุสมผลทั้งหมดในตัวเจียงเหมยอิ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นสมเหตุสมผลขึ้นมา ถ้าหากเป็นเพราะโรคเบื่ออาหาร อย่างนั้นแล้วการที่เธอกินอาหารไม่ลง กินทิ้งกินขว้าง การแสดงออกของเธอที่ดูลำบากใจล้วนได้รับการอธิบายแล้ว

เซียวอิ่นจางเล่าต่อว่า “อันที่จริงอาการของเธอตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว สุขภาพก็ค่อนข้างแข็งแรง แค่มีโรคเบื่ออาหารอยู่อ่อนๆ ตอนที่เป็นหนักๆ เธอผอมจนหนักแค่สามสิบกิโลกรัม เป็นหนังหุ้มกระดูก กินอะไรไม่ลงเลย นิสัยก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนเก็บตัวและกลัวคนแปลกหน้ามาก ถึงขั้นกลัวแสงสว่าง” เมื่อพูดถึงอดีตของเจียงเหมยอิ่ง น้ำเสียงของเซียวอิ่นจางก็เต็มไปด้วยความสงสารและความเจ็บปวด

หานต้งพยักหน้า “ตอนนี้ดูเหมือนว่าก็ค่อนข้างจะกลัวคนแปลกหน้านะครับ”

เซียวอิ่นจางยิ้ม “อยู่ด้วยกันไปนานๆ ก็จะดีขึ้นครับ กลัวคนแปลกหน้าก็แค่ตอนเจอกันแรกๆ”

“งั้นทำไมต้องเป็นผมด้วย” หานต้งถามอีกครั้ง

เซียวอิ่นจางยิ้มพลางเอ่ยอย่างจนใจ “ถ้าผมบอกว่าเธอกินได้แค่อาหารที่คุณทำ คุณจะเชื่อไหมล่ะครับ”

หานต้งขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินครั้งแรกเข้าต้องไม่เชื่อแน่ ทว่าชั่วขณะต่อมาจึงนึกย้อนไปถึงท่าทีแปลกๆ แต่ละอย่างของเจียงเหมยอิ่ง ยกตัวอย่างเช่น เจียงเหมยอิ่งจะถามทุกครั้งว่าอาหารนี้เขาเป็นคนทำเองหรือเปล่า

ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้ งั้นทุกอย่างก็อธิบายได้แล้ว

“ทำไม” หานต้งยังคงแปลกใจ

เซียวอิ่นจางยิ้มขื่น “ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมก็สงสัยว่าอาหารของคุณได้ลงคาถาอาคมอะไรไว้หรือเปล่า”

หานต้งนิ่งเงียบ

“งั้นตอนนี้…ตอนนี้เธอกินอะไรได้บ้างครับ” หานต้งถาม

เซียวอิ่นจางชี้ไปที่อีกฝ่าย “ของที่คุณทำ”

“ครับ?”

เซียวอิ่นจางอธิบายเพิ่มว่า “เมื่อก่อนเธอกินได้แค่อาหารมังสวิรัติที่ไม่มีของมันและของคาว แต่อาหารที่คุณทำ ดูเหมือนว่าเธอจะพอกินได้บ้าง”

หานต้งพยักหน้า ยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย

“นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมผมต้องมาขอให้คุณช่วย” เซียวอิ่นจางชะงักไป เกิดกลัวว่าหานต้งจะไม่เห็นด้วย จึงรีบเสริมว่า “ผมจะจ่ายค่าตอบแทนให้คุณ”

หานต้งตอบ “…ไม่ต้องหรอกครับ ผมยังติดค้างเธออยู่”

ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือว่าตอนนี้ก็ตาม

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in With Love

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com