3
เพิ่งจะเปิดประตูก็ได้กลิ่นหอมหวานเข้มข้น กลิ่นนี้เป็นเหมือนกลิ่นธีมหลักของร้านบะหมี่โหย่วเจียนสาขาหลัก นี่เป็นน้ำพะโล้ที่หานต้งคิดค้นขึ้นมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จะเคี่ยวโดยไม่ดับไฟตลอดสามปี
น้ำพะโล้ดี จนถึงร้อยปีก็จะติดไฟเคี่ยวอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้ก็ได้แค่ตั้งความหวัง
หานต้งเป็นคนที่มีความมานะอดทนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เขาค้นพบเคล็ดลับของน้ำพะโล้นี้จากในสูตรอาหารต้นตำรับของซานเว่ยฟาง จากนั้นก็ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น เป้าหมายก็เพื่อให้กลายเป็นพะโล้เคี่ยวร้อยปีในอนาคต
เขาพาเจียงเหมยอิ่งเข้าไปในครัว แนะนำน้ำพะโล้ที่จะเคี่ยวโดยไม่ดับไฟหม้อเล็กๆ ให้เธอได้รู้จัก
“ขนมาจากร้านเดิมนิดหน่อย จากนั้นก็เพิ่มวัตถุดิบใหม่ แต่รสชาติไม่เปลี่ยนครับ”
เจียงเหมยอิ่งพยักหน้า
หานต้งถามเธอ “ร้านยังตกแต่งไม่เสร็จ ยังไม่มีเมนูอาหาร คุณอยากกินอะไรล่ะครับ ขอแค่มีวัตถุดิบ ผมก็ทำได้หมด”
หานต้งกลัวว่าเจียงเหมยอิ่งจะเลือกไม่ได้ จึงเปิดตู้เย็นให้เธอดู “คุณเลือกเอาสิ”
หานต้งเชื่อมั่นในแววตาของตำรวจตัวกลมเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะทำอย่างไรเจียงเหมยอิ่งก็ละสายตาไปจากเนื้อรมควันที่อยู่ในตู้เย็นไม่ได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเนื้อที่น่าขยะแขยงแบบนี้แต่กลับไม่มีอาการคลื่นเหียนใดๆ
ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไรบ้าง
หานต้งมองตามสายตาเธอไปยังเนื้อรมควัน เขาเป็นคนนำมาเอง เดิมทีคิดว่าจะทำข้าวผัด
หานต้งถาม “ไม่งั้นทำข้าวอบหม้อดินไหมครับ”
เจียงเหมยอิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ “…ฉัน…ไม่กินข้าวได้ไหมคะ”
หานต้งเล่นมุกฝืด “งั้นคุณกินหม้อ ผมกินข้าว”
“…” เจียงเหมยอิ่งยกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มเขินและไม่ให้เสียมารยาท
ในห้องครัวโล่งกว้าง นอกจากเตากับตู้เย็นแล้ว ตรงกลางห้องก็มีโต๊ะเล็กๆ และเก้าอี้สองตัวจัดวางอยู่
เจียงเหมยอิ่งมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องครัว วิวด้านนอกเป็นอีกฝั่งของถนนช่วงเยี่ยของมหาวิทยาลัยบี หน้าต่างอยู่ตรงข้ามกับร้านสตาร์บัคส์พอดี ชั้นดาดฟ้าขนาดใหญ่จัดโต๊ะเก้าอี้ไว้ยี่สิบกว่าตัว นักศึกษาบางคนก็พกคอมพิวเตอร์มาทำวิทยานิพนธ์บนชั้นดาดฟ้า บ้างก็อภิปรายงานวิจัย บรรยากาศการเรียนเข้มข้น ดูแล้วเหมือนกับพวกชนชั้นนำในอนาคต
เจียงเหมยอิ่งเรียนที่มหาวิทยาลัยสื่อสารมวลชนของปักกิ่ง ต้องแช่อยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ตัดต่อวิดีโอทั้งวัน เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยบี เมื่อเห็นบรรยากาศการเรียนการสอนที่ครึกครื้นแบบนี้จึงรู้สึกอิจฉามาก เธอพูดกับหานต้ง “มหา’ลัยสวยจริงๆ เลยนะคะ”
หานต้งกำลังซาวข้าว เพราะเสียงน้ำดังกว่าเสียงของเจียงเหมยอิ่งจึงได้ยินไม่ชัด เขาปิดก๊อกน้ำแล้วถาม “คุณว่าอะไรนะครับ”
เจียงเหมยอิ่งยักไหล่ ไม่ได้พูดซ้ำ แต่มองไปที่สตาร์บัคส์แล้วกล่าวว่า “ทำไมคุณถึงได้เปิดร้านบะหมี่ล่ะคะ ครอบครัวคุณรวยขนาดนั้น แถมคุณก็ยังเป็นลูกชายคนเดียวอีก มรดกของพ่อคุณก็ต้องส่งต่อให้คุณอยู่ดี ทำไมถึงออกมาเปิดร้านบะหมี่เล็กๆ แบบนี้ล่ะ”
หานต้งขมวดคิ้วน้อยๆ หันหน้าไปมองเจียงเหมยอิ่ง “ทำไมคุณถึงได้รู้เยอะแยะขนาดนี้”
แม้ว่าเรื่องที่หานต้งเป็นนายน้อยของซานเว่ยฟางจะไม่ใช่ความลับอะไร แต่ในคำพูดของเจียงเหมยอิ่งเมื่อครู่ดูเหมือนว่าจะรู้จักพ่อของเขาดีทีเดียว
เจียงเหมยอิ่งเปิดโทรศัพท์มือถือ หาข้อมูลผู้ติดต่อที่อยู่ในประวัติการโทรแล้วเอาให้หานต้งดู
หานต้งดูแวบหนึ่ง บนนั้นพิมพ์ไว้ว่า ‘ลูกชายไม่รักดี’
เขากวาดตามองเบอร์โทรแวบหนึ่ง…หานต้งความจำดี ต่อให้ไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปี แต่มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่านี่เป็นเบอร์โทรของพ่อตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเบอร์นี้ยังเคยโทรมากวนเขาเมื่อก่อนหน้านี้ไม่นาน
“ทำไมคุณ…” หานต้งถามอย่างงุนงง
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กุมภาพันธ์ 64)