14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน เชลยรักกักใจ
บทที่หนึ่ง
ทุกขึ้นสิบห้าค่ำยามพระจันทร์เต็มดวง บรรดาตัวประกันจากแต่ละแคว้นที่อาศัยอยู่ ณ แคว้นเป่ยโม่ต่างมารวมตัวอยู่ทางฝั่งตะวันออกของวังหลวงกันอย่างหนาแน่นเพื่อร่วมถวายพระพรแก่ฮ่องเต้
“ฮ่องเต้ทรงพระเมตตา จึงได้ประทานสุราชั้นดีนี้แด่องค์ชายและองค์หญิง!”
เมื่อเกากงกงพูดจบก็ยกกาที่ทำจากทองขึ้นรินสุราให้แก่องค์ชายและองค์หญิงซึ่งเป็นตัวประกันจากต่างแคว้นด้วยตนเอง
“ถวายพระพรต่อฮ่องเต้เป่ยโม่ ขอให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี” ตัวประกันแต่ละแคว้นต่างกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียง และยกจอกสุราขึ้นดื่มทีเดียวหมดจอก
“ขอเชิญองค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์ทางด้านนี้พ่ะย่ะค่ะ องค์ฮ่องเต้ประทับอยู่ที่ตำหนักเชียนชิวของซินฮองเฮา รอให้ทุกพระองค์เข้าเฝ้าถวายพระพร” เกากงกงกวาดสายตามองทุกคนรอบหนึ่งแล้วจึงหมุนกายเดินนำออกไป
ในตอนนี้ไม่ว่าแต่ละคนจะเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงจากแคว้นแดนใด เมื่อทุกคนมาถึงยังเป่ยโม่ก็ล้วนเป็นได้เพียงแค่ตัวประกันผู้หนึ่งเท่านั้น เหตุใดยังต้องมีคำพูดสวยหรูและมากมารยาทต่อกันเช่นนี้ด้วยเล่า
องค์หญิงสามแห่งแคว้นหนานฉู่ ฉู่เหลียนเฉิงจ้องเกากงกงเพียงแวบเดียว แล้ววางจอกสุราไว้ในถาดที่ขันทีผู้หนึ่งถืออยู่
“องค์ชาย นี่เป็นสุราที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ โปรดดื่มให้หมดด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่เหลียนเฉิงเงยหน้ามองขันทีผู้หนึ่งซึ่งกำลังพูดอยู่ตรงหน้าองค์ชายแคว้นตงหลง
ก็ใช่สิ สุราจอกนี้ไม่ดื่มได้หรือ พวกเขาเปรียบเป็นมีดเขียง เราเป็นเพียงปลาและเนื้อแท้ๆ ฉู่เหลียนเฉิงลอบถอนใจเงียบๆ
แม้องค์ชายแคว้นตงหลงจะถลึงตามองขันทีผู้นั้นด้วยความไม่พอใจเพียงใด แต่ก็จำต้องยกสุราจอกนี้ขึ้นดื่มให้หมดอย่างเสียมิได้
จากนั้นองค์ชายและองค์หญิงจากแต่ละแคว้นก็ค่อยๆ เดินไปยังตำหนักเชียนชิว พลางกระซิบกระซาบกันไปตลอดทาง
“มีแต่ผู้คนพูดว่าการแพทย์ของแคว้นหนานฉู่ล้ำเลิศ เหตุใดองค์หญิงแห่งแคว้นหนานฉู่จึงได้ร่างกายอ่อนแอเช่นนี้…”
“ดูเหมือนการแพทย์ของหนานฉู่นั้นคงจะมีดีแค่ชื่อกระมัง…” ผู้ต่อบทสนทนาเหลือบตามองไปยังคนที่ถูกพูดถึง
ฉู่เหลียนเฉิงที่มีข้ารับใช้อย่างจูเซวียนเอ๋อร์คอยประคองอยู่ก้าวเดินอย่างเชื่องช้า สีหน้ายังคงฉายความอ่อนโยนราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
“ใต้หล้านี้มีใครไม่รู้บ้างว่าองค์หญิงสามแห่งแคว้นหนานฉู่นั้นมีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ยังเล็ก จริงๆ แล้วอาจอยู่ได้ไม่เกินอายุสิบปี แต่เป็นเพราะอยู่ภายใต้การรักษาของหมอที่มีชื่อเสียงจากที่ต่างๆ ในแคว้นหนานฉู่ ตอนนี้องค์หญิงเหลียนเฉิงจึงมีอายุครบสิบแปดปีแล้ว การแพทย์ที่ดึงชีวิตคนหลบเลี่ยงจากความตายได้เช่นนี้ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการแพทย์ของหนานฉู่ช่วยชีวิตคนจากความตายได้เป็นเรื่องจริงแท้เพียงใด” เสียงจากชายคิ้วคมรูปร่างผอมสูงผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
หลังจากจบประโยคนั้นฉู่เหลียนเฉิงจึงเหลือบมองผู้พูด แล้วก็ได้พบเข้ากับไป่ซั่งเสียนองค์ชายแห่งแคว้นซีไป่กำลังส่งยิ้มกลับมาให้นาง เป็นรอยยิ้มจริงใจรอยยิ้มเดียวที่นางได้รับนับตั้งแต่มายังแคว้นเป่ยโม่นี้
“ขอบคุณองค์ชายซั่งเสียนเป็นอย่างมากที่ออกปากแทนข้า” ฉู่เหลียนเฉิงให้ข้ารับใช้คนสนิทประคองนางเดินไปด้านข้างของไป่ซั่งเสียน
“พระมารดาขององค์หญิงเหลียนเฉิงเดิมทีก็เกิดในราชวงศ์แคว้นซีไป่ มานับดูแล้วเราทั้งสองจึงต่างถือเป็นญาติห่างๆ กัน องค์หญิงไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก”
ไป่ซั่งเสียนค่อยๆ ผ่อนฝีเท้าลงเพื่อเดินเคียงข้างกับฉู่เหลียนเฉิง
ขณะนั้นมีลมพัดมาวูบหนึ่ง กลีบดอกไม้ปลิวไสว ทั้งได้พัดเอากลิ่นหอมเย็นละมุนจากชุดสีขาวนวลของฉู่เหลียนเฉิงลอยตามลมมาด้วย
แขนเสื้อของชุดฉู่เหลียนเฉิงนั้นบางเบาทั้งพลิ้วสะบัดยามลมพัดผ่าน ร่างกายของนางก็ราวกับจะปลิวไปตามสายลมได้ในทุกขณะ
ไป่ซั่งเสียนเพียงเห็นเงาร่างบอบบางที่เหมือนกับจะถูกลมพัดปลิวไปได้ทุกเมื่อของนางก็ยื่นมือออกไปหมายช่วยประคอง
“ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณความห่วงใยขององค์ชายซั่งเสียนเป็นอย่างมาก” ริมฝีปากบางของฉู่เหลียนเฉิงกล่าวพลางยิ้มน้อยๆ
ไป่ซั่งเสียนลดมือลง จมูกยังได้กลิ่นยาอ่อนๆ ที่ลอยมาจากตัวของฉู่เหลียนเฉิง เมื่อเขามองร่างกายอ่อนแอผอมแห้งของนาง จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาแล้วพูด “เจ้าน่าจะรู้ว่าเหตุใดองค์ชายแคว้นตงหลงจึงไม่ยอมดื่มสุราให้หมด”
ในสุรามียาพิษ นั่นเป็นเรื่องที่ตัวประกันจากทุกแคว้นต่างรู้และระมัดระวังกันเป็นอย่างดี…
“ข้ารู้…แต่ปัญหาจริงๆ นั้นอยู่ที่จอกสุรา หาใช่ที่สุราไม่” สีหน้าของนางนิ่งเรียบไม่เปลี่ยน ดวงตาขาวดำเรียบเฉยคู่นั้นจ้องมององค์ชายแห่งแคว้นซีไป่
ไป่ซั่งเสียนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเดินไปข้างกายนางทันที เขาเพียงขยับเข้าใกล้ฉู่เหลียนเฉิงอีกเล็กน้อยเพื่อสะดวกต่อการฟังเสียงที่เบาราวเสียงกระซิบของนาง
“ภายในจอกสุราได้ป้ายยาพิษที่สกัดมาจากต้นโม่เฉา เนื่องจากต้นโม่เฉามีรสชาติขม จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้รสสุราขมจนดื่มไม่ได้ ดังนั้นจึงนำรสชาติของต้าชันร้อยปีมากลบรสชาติขมไว้ อีกทั้งต้าชันร้อยปียังดีต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง” ฉู่เหลียนเฉิงมองเห็นแววตาเลื่อมใสฉายชัดออกมาจากดวงตาของไป่ซั่งเสียน จึงนิ่งเฉยแล้วพูดต่อไปว่า “ข้าร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่เล็ก ทั้งข้ายังศึกษาเกี่ยวกับยาพิษและยารักษาอยู่นานหลายปี จึงนับว่าข้าพอจะมีความรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง”
“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้ แล้วเจ้ายังดื่มมัน?” ไป่ซั่งเสียนขมวดคิ้วพร้อมถามออกมา
ข้าไม่ดื่มได้อย่างนั้นหรือ… ฉู่เหลียนเฉิงกลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป กล่าวแต่เพียงว่า “หลังจากที่พวกเราไปถึงที่ตำหนักเชียนชิวเพื่อแสดงความเคารพแล้ว ซินฮองเฮาจะพระราชทานลูกอมผิงอันให้กับทุกคน พอกินเข้าไปแล้วจะสามารถถอนพิษนี้ออกได้ถึงครึ่งหนึ่ง”
“แล้วพิษอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือเล่า”
“คนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงก็จะสามารถกำจัดพิษออกมาได้บางส่วนเองในภายหลัง แต่หากยังดื่มมันทุกๆ เดือน ทุกๆ ปีแล้ว ในที่สุดอายุของคนผู้นั้นก็จะสั้นลง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงต้องมีการเปลี่ยนตัวประกันจากต่างแคว้นอยู่บ่อยครั้ง ท่านเองก็รู้ดีว่าในสุรามียาพิษมิใช่หรือ ถึงได้ออกปากเตือนข้า”
“พี่ห้าของข้าอยู่ที่เป่ยโม่ได้ราวๆ ห้าปีก็จากไปด้วยโรค…” เขากำหมัดแน่น โทสะอัดแน่นอยู่ในอก “คนพวกนี้ข่มเหงคนได้อย่างร้ายกาจนัก”
“ใครใช้ให้ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขืนต่อเป่ยโม่ได้กันเล่า” ฉู่เหลียนเฉิงกล่าวอย่างเฉยเมย