ทดลองอ่าน เชลยรักกักใจ – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

14 วัน 14 เรื่อง

ทดลองอ่าน เชลยรักกักใจ

เฮยทั่วเทียนมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง เขาพบแต่เพียงความไม่ยินดียินร้ายภายในแววตาน่าเกรงขามคู่นั้น เขาเผลอเหลือบไปมองร่างของนางอยู่หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่านางผอมจนแทบจะเห็นกระดูก แต่แววตากลับเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เช่นนี้ เขาไม่เคยพบเจอหญิงสาวนางใดใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่เขาเลยสักครา

“เพิ่มที่นั่งข้างๆ ข้าที่หนึ่ง” เฮยทั่วเทียนหันไปเอ่ยกับขันที พลางผายมือไปด้านข้างตนเองเล็กน้อย “เชิญ”

ฉู่เหลียนเฉิงไม่ใส่ใจต่ออากัปกิริยาเหยียดหยามของเฮยทั่วเทียน เพียงส่งยิ้มขอบคุณไปให้ไป่ซั่งเสียน แล้วจึงยกชายกระโปรงเดินไปนั่งบนที่นั่งที่เพิ่งถูกจัดเตรียมไว้ให้

หลังจากไป่ซั่งเสียนมองนางเพียงครู่หนึ่งจึงล่าถอยออกมา

เฮยทั่วเทียนมองฉู่เหลียนเฉิงซึ่งกำลังหย่อนกายลงนั่ง ภายใต้แสงเทียนในยามราตรี อาภรณ์สีขาวนวลบนร่างของนางตัดกับแสงเทียนและสีชมพูของดอกอิงฮวาในยามค่ำคืน ขับให้นางช่างดูสดใสยิ่งนัก

เขาไม่รู้ว่าฉู่เหลียนเฉิงกำลังพยายามทำอะไร เพียงแต่มองจากใบหน้าธรรมดากับกลิ่นยาเย็นๆ บนกายนางแล้ว เขาก็รู้สึกอีกครั้งว่านางนั้นช่างไม่เจียมตนเสียจริงๆ

“คารวะให้ท่านหนึ่งจอก” เฮยทั่วเทียนก้มหน้าลงพร้อมยกยิ้มให้นาง ดวงตาดำขลับจับจ้องดวงตาของนางไว้นิ่ง

ฉู่เหลียนเฉิงมองใบหน้ายิ้มแย้มของเขา ในอกพลันหายใจติดขัด โรคเดิมของนางแค่แสดงอาการออกมาเท่านั้น นางค่อยๆ ควบคุมจังหวะการหายใจแล้วจึงยิ้มกลับไปตอนที่ยกจอกเหล้ามาใกล้กับปากพร้อมกับใช้ระดับเสียงที่เขาและนางได้ยินกันเพียงสองคนว่า “ข้ามีเรื่องสำคัญจะทูลองค์ชาย โปรดให้เริ่มการแสดงเถิด”

เฮยทั่วเทียนลอบมองท่าทีที่นิ่งสงบของนางอย่างไม่ไว้ใจ หลังจากนั้นจึงให้เหล่าขันทีถอยออกไป ดนตรีจึงได้เริ่มบรรเลงขึ้นมาจากทั้งสองฝั่ง นางรำร่ายรำอ่อนช้อยงดงามดั่งดอกอิงฮวาที่ร่วงหล่นลงมา เป็นที่น่าประทับใจยิ่ง

“ว่ามาสิ” เฮยทั่วเทียนว่าพร้อมยกจอกเหล้าขึ้นมาที่ปากส่วนสายตามองการแสดงร่ายรำตรงหน้า

“ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายโปรดสงวนท่าทีไว้ อย่าได้แสดงอาการอันใดออกมา” ฉู่เหลียนเฉิงแสร้งยกจอกเหล้าขึ้นมาดื่ม พลางพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์แล้ว”

เฮยทั่วเทียนเงยหน้ายกจอกเหล้าดื่มจนหมด ขันทีเตรียมที่จะเข้ามาเติมเหล้าให้แต่เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้ถอยไป

“เจ้าพูดเองมิใช่หรือว่าจะตรวจชีพจรให้ข้า” เฮยทั่วเทียนวางแขนลงบนโต๊ะแคบๆ

“ขอบพระทัยองค์ชายที่เชื่อใจข้า” ฉู่เหลียนเฉิงโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ใช้มือหนึ่งจับชีพจร

“เจ้ารู้ได้เช่นไร” เฮยทั่วเทียนแทบไม่ขยับปากพลางถามขึ้นมา

“วันนี้ข้าไปที่ตำหนักเชียนชิว เห็นรถม้าอยู่ด้านนอก แม้จะได้กลิ่นหอมในบริเวณรอบๆ นั้นแต่มันกลับกลบกลิ่นน้ำยาแช่ศพไว้ไม่ได้เลย หากรถม้ายังอยู่ในตำหนักเชียนชิว ใครกันที่กล้าซ่อนศพไว้ข้างใน ซึ่งก็มีเพียงข้อสันนิษฐานเดียว…” ฉู่เหลียนเฉิงแสร้งหลับตา ตั้งใจตรวจชีพจร

“พวกเขากำลังปิดบังข่าวการตายของเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ” เฮยทั่วเทียนสอดมือลงไปใต้โต๊ะแล้วกำหมัดแน่น

“หรือท่านจะลองสืบดูเองก็ได้” นางช้อนสายตาขึ้นมองเขา

เฮยทั่วเทียนเม้มริมฝีปาก ตอนนี้นับว่าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดจยาผิงโหวต้องเร่งนำกองทัพกลับเมืองหลวง เหตุใดที่ในงานเลี้ยงคืนนี้เฮยต๋าเทียนไม่ได้มาปรากฏตัวขึ้น

“ถ้าหากข่าวของเจ้ามันผิดเล่า…” ดวงตาดำขลับของเขาจ้องเขม็งมาที่นางราวกับจะฆ่ากันให้ตายเดี๋ยวนั้น

ฉู่เหลียนเฉิงกำมือแน่น พยายามไม่แสดงอาการหวั่นเกรงต่อสายตาเย็นเยียบของเขา

“แม้จะผิดพลาด ท่านก็ทำได้เพียงแค่เชื่อใจข้าแล้ว พระปรีชาสามารถขององค์ชายนั้นล้วนเป็นที่รู้กันดีในใต้หล้า ในตอนนั้นเพราะฮ่องเต้เสี่ยงถูกเหล่าขุนนางต่อต้าน จึงได้ไม่กล้าปลดท่านออกจากตำแหน่งไท่จื่อแต่กลับเลือกส่งท่านไปยังชายแดนแทนนั้น ใช่ว่าท่านจะไม่รู้เหตุผลนี้ แต่หากวันหนึ่งซินฮองเฮาสามารถซื้อใจทุกคนและส่งให้องค์ชายสามเป็นฮ่องเต้ได้ หรือหากฮ่องเต้ทรงทิ้งราชโองการไว้ว่าให้องค์ชายสามสืบทอดบัลลังก์ และมีเหล่าขุนนางที่ไม่ศรัทธาในตัวท่านสนับสนุนเขา ท่านคงทำได้แค่ตั้งกองทัพมาก่อกบฏ ซึ่งไม่ช้าหรือเร็วก็จำเป็นต้องทำอยู่ดี”

พูดจบนางก็ยิ้มแย้มและพูดถึงสภาพชีพจรของเขาแล้วจึงชักมือที่ตรวจชีพจรกลับ

เฮยทั่วเทียนมองสีหน้าและท่าทีที่นิ่งสงบของนางก็รู้สึกประทับใจ ในตอนที่เขาจงใจขู่ให้หวาดกลัวนั้นน้อยคนนักที่จะไม่รู้สึกเกรงกลัว

“เหตุใดเจ้าจึงช่วยข้า”

“ช่วยท่านก็เหมือนกับได้ช่วยตัวข้าเองด้วย”

“บุญคุณไม่ลืม ขอไม่ไปส่ง”

เฮยทั่วเทียนพูดจบ ฉู่เหลียนเฉิงก็ลุกขึ้นคำนับ แล้วจึงเดินไปหาไป่ซั่งเสียนที่คอยจับตามองพวกเขาทั้งคู่ตั้งแต่ต้นจนจบ

องค์ชายใหญ่จิบเหล้ามองการแสดงแสร้งทำเหมือนไม่มีเรื่องอันใดผิดแปลก หลังจากคิดวางแผนภายในใจว่าเขาจะเกณฑ์คนและม้ามาภายในหนึ่งคืนนี้ได้อย่างไรแล้วจนเสร็จสิ้น จึงเรียกให้ขันทีเข้ามาเติมสุรา และแอบส่งต่อเรื่องนี้อย่างลับๆ แก่เสนาบดีฝ่ายซ้าย สมุหกลาโหม หัวหน้ากองกำลังรักษาวังและหัวหน้าทหารสำนักราชวัง

จากนั้นครึ่งชั่วยามวังหลวงก็ถูกโอบล้อมไปด้วยองครักษ์หลวงที่สวมชุดดำทั้งตัวกับชุดเกราะเต็มยศกว่าหมื่นนาย ป้องกันประตูทางเข้าทั้งสี่ทิศ ไม่ให้ใครเล็ดลอดเข้ามาได้ บริเวณที่ใกล้กับวังหลวงมากที่สุดยกให้เป็นหน้าที่ของโม่ชิงคนที่เฮยทั่วเทียนไว้ใจให้เป็นผู้ส่งสารลับและยกกองทัพกว่าสองหมื่นนายมุ่งหน้ามารวมตัวกันที่ด้านนอกคูเมืองของวังหลวง นอกจากนี้ยังมีม้าเร็วที่นำคำพูดของเฮยทั่วเทียนมุ่งไปทางชายแดนทางใต้ให้นำกองกำลังทหารมาเสริม

จึงกล่าวได้ว่าในคืนดึกสงัดทว่าผู้คนมิอาจหลับใหล…

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in 14 วัน 14 เรื่อง

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com