“พวกลิ่วล้อที่เหลือจับมาได้หมดหรือยัง” เฮยทั่วเทียนละสายตาจากร่างบวมอืดของเสด็จพ่อแล้วหันไปถามฟางกัง
“ด้วยความสามารถของคนของข้าแล้ว น่าจะใกล้เรียบร้อย…” ฟางกังยังพูดไม่ทันจบ ลูกน้องของเขาก็เข้ามา
“รายงานท่านแม่ทัพ! เพิ่งจับฮองเฮา องค์ชายสาม และเกากงกงที่กำลังจะหลบหนีออกไปทางประตูด้านหลังได้ขอรับ” ทหารคุมตัวทั้งสามคนมาข้างหน้า แล้วบังคับพวกเขาให้คุกเข่าลงตรงหน้าเฮยทั่วเทียน
เฮยทั่วเทียนชักกระบี่ออกมาบั่นคอเกากงกงทันที
ซินฮองเฮาเบิกตากว้างกรีดร้องเสียงดังเมื่อมองเห็นหัวของเกากงกงที่กลิ้งมาอยู่ตรงหน้า พยายามกระถดร่างถอยหลังหนี
“ซินซื่อ เจ้าจะยอมรับโทษที่บังอาจสังหารฮ่องเต้หรือไม่!” เฮยทั่วเทียนดวงตาเหมือนมีประกายไฟออกมาพร้อมถามเสียงเย็น
“ฮ่องเต้ไม่ได้สวรรคตเพราะข้า! ฝ่าบาทเสวยพระกระยาหารแล้วก็ล้มลง พวกข้ายังไม่ทันตามหมอหลวง ลมหายใจของฝ่าบาทก็หมดไปเสียแล้ว…” ซินฮองเฮามีสีหน้าตื่นตระหนก ปิ่นดอกไม้ที่ปักอยู่บนผมยุ่งเหยิงไหวไปมา น้ำตาไหลอาบแก้มไปทั่วดวงหน้างามของนาง
“ซินซื่อผู้ร้ายกาจ และลูกชายชั่วเฮยต๋าเทียนร่วมกันปกปิดเรื่องการสวรรคตของฮ่องเต้ ทำเช่นนี้ต้องการอะไรกันแน่!” เฮยทั่วเทียนตะคอกถามอีกครั้ง น้ำเสียงทรงอำนาจเกรี้ยวกราดทำให้ซินฮองเฮาตกใจจนเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งบนพื้น
“ก่อนเสด็จพ่อจะสวรรคตได้มีราชโองการ ให้ข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้!” เฮยต๋าเทียนจ้องเขาด้วยสายตารวดร้าว
“ราชโองการ? เห็นได้ชัดว่าเป็นเจ้ากับแม่สองคนที่ปลอมแปลงมันขึ้น…” เฮยทั่วเทียนพูดเสียงเย็นพร้อมหันไปทางฟางกัง
ฟางกังไม่พูดพร่ำทำเพลง ชักกระบี่ออกมาแทงทะลุหน้าอกองค์ชายสามสิ้นลมภายในดาบเดียว
“ข้าขอเป็นตัวแทนฟ้าดินกำจัดคนชั่ว องค์ชายสามปิดบังเรื่องฮ่องเต้สวรรคต อีกทั้งลอบสังหารองค์ชายใหญ่!” ฟางกังพูดเสียงดัง
“ลูกชายข้า!” ซินฮองเฮารีบใช้มือและเข่าคลานไปข้างหน้า โอบกอดศพลูกชายไว้ไม่ยอมปล่อย
“ทหาร! คุมตัวนางไปคุกหลวง!” เฮยทั่วเทียนใช้สายตาเยียบเย็นมองสตรีที่สิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ทำร้ายและฆ่าแกงคนที่จงรักภักดีต่อเขาไปนับไม่ถ้วน
ซินฮองเฮาถูกทหารกองกำลังรักษาวังลากตัวออกไป นางตะโกนเสียงดังว่า “เจ้าจะต้องได้ชดใช้!”
เฮยทั่วเทียนยิ้มเย็น เก็บกระบี่ในมือลงฝัก เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับไปมองตำหนักเชียนชิวอีก
หลังจากนั้นขุนนางที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็ถูกเรียกตัวเข้าวัง ข่าวอันน่าตกตะลึงที่มีขันทีปลอมเสียงเป็นฮ่องเต้ถูกปล่อยออกไป อีกทั้งภาพน่าหดหู่ภายในตำหนักเชียนชิว ล้วนทำให้ทุกคนเข่าอ่อนลมจับกันถ้วนหน้า แต่กระนั้นก็ยังพากันเร่งรีบไปที่ตำหนักของเฮยทั่วเทียนไม่ได้หยุด เนื่องจากแผ่นดินไม่อาจไร้ฮ่องเต้แม้เพียงคืนเดียว จึงถวายพระพรขอให้องค์ชายใหญ่สืบราชบัลลังก์ต่อไป แล้วจึงค่อยเลือกวันมงคลเพื่อจัดพิธีราชาภิเษกขึ้น
คืนนั้น ฉู่เหลียนเฉิงซึ่งกำลังคาดเดาสถานการณ์ภายในวังไปต่างๆ นานาจนทำให้ตนเองนอนไม่หลับ ภายในหัวเป็นภาพวนเวียนถึงตอนที่ตนกำลังวัดชีพจรให้เฮยทั่วเทียนที่งานเลี้ยงดอกอิงฮวา
ตอนนั้นนางได้บอกเรื่องราวอันน่าตกใจขนาดนั้น แต่ชีพจรของเขากลับเต้นแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย แล้วจึงค่อยกลับมาสงบอย่างเดิมเช่นเดียวกับสีหน้าของเขาที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสักนิดตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดเจนว่าเขามีความสุขุมลุ่มลึกมากเพียงใด
หรือบางทีเขาอาจจะคาดการณ์ได้ว่าจะต้องมีวันนี้ เขาจึงพร้อมจัดการให้เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างถูกต้องเหมาะสมเพียงแค่รอเวลาและโอกาสก็เท่านั้น
แม้บุรุษผู้นั้นจะวางตัวเป็นองค์ชาย ครั้นถึงยามที่เขาไร้น้ำใจก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีความเมตตาใดๆ เหมือนในปีนั้นที่มีการต่อสู้กับเจ็ดแคว้น ตัวเขาเป็นถึงแม่ทัพเป่ยโม่ ได้ประหัตประหารผู้คนไปกว่าร้อยกว่าพันชีวิต ฉายาเทพแห่งสงครามของเขานั้นจึงขจรขจายไปอย่างรวดเร็ว หากตอนนี้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ เรื่องที่ทุกแคว้นในใต้หล้าต่างหวาดกลัวคงจะกลายเป็นเรื่องจริง
ใต้หล้ารวมเป็นหนึ่ง
ตั่ง ตั่ง ตั่ง…
เสียงตีระฆังจากวังหลวงสิบสองครั้งดังมาไกลๆ แสดงถึงงานศพของราชวงศ์
ฉู่เหลียนเฉิงยันตัวลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างให้เสียงได้ดังเข้ามาในห้อง ลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิพัดพาความหนาวเย็นมาเล็กน้อย ทำเอาร่างกายบอบบางหนาวสั่น นางเดินไปหยิบผ้าคลุมมาคลุมไหล่อย่างยอมรับในชะตาชีวิตตนเอง เพราะหากถูกความเย็นมากเข้า นางคงได้รู้สึกวิงเวียนไปอีกหลายวัน
ชีวิตและร่างกายของนางเป็นเช่นนี้จึงไม่คาดหวังอะไรมากมาตั้งแต่แรก ขอเพียงแค่รักษาโอกาสของตนเองและคนรอบกายเอาไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นหนานฉู่ผู้เป็นพี่สาวของนางนั้นก็เห็นนางเป็นดั่งหนามขวางหูขวางตามาตลอด ที่นางยังมีชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็ถือว่าสวรรค์ปรานีมากแล้ว
อีกทั้งฟ้ายังประทานความโชคดีในครั้งนี้ ยืดชีวิตให้นางได้เตือนเรื่องฮ่องเต้เป่ยโม่สวรรคตแก่เฮยทั่วเทียน หวังเพียงแต่ว่าหลังจากนี้เฮยทั่วเทียนจะไม่ลืมบุญคุณของนางในครั้งนี้ ปล่อยให้นางได้มีทางเดินในการตั้งหลักและสร้างชีวิตของตนเองบ้างก็พอ