ชั่วขณะนั้นเองฮูหยินหลายคนถึงกับเคลิบเคลิ้มใจลอยจนเข็มแทงเข้าที่นิ้ว ทำเอาสะดุ้งจนร้องอุ๊ยออกมาอย่างลืมตัวไปตามๆ กันเลยทีเดียว
เนี่ยชิงหลินรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ที่แท้หาใช่นางคนเดียวไม่ที่เผลอซุ่มซ่าม นางไม่ได้ส่งเสียงใดๆ เพียงแอบดูดนิ้วที่ถูกเข็มทิ่มจนเลือดซิบออกมาเงียบๆ จากนั้นส่งรองเท้าใส่มือนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ “งานของข้าชิ้นนี้เกือบเสร็จแล้ว ที่เหลือเจ้าก็จัดการต่อให้เรียบร้อยแล้วกัน” พูดพลางก็เตรียมลุกขึ้นกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก
ในเวลาเดียวกันนี้เองก็ได้ยินฮูหยินของรองเสนาบดีกรมทหารเอ่ยขึ้นว่า “ที่แท้เพราะท่านราชครูได้รับบาดเจ็บนี่เอง มิน่าเล่าแนวหน้าถึงได้พ่ายแพ้ติดๆ กัน…”
เนี่ยชิงหลินซึ่งกำลังจะลุกขึ้นยืนชะงักกึกทันใด คิ้วเรียวบางขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ที่แท้คำพูดของใต้เท้าชิวที่ว่าสถานการณ์การสู้รบในแนวหน้ากำลังตึงเครียดนั้นเป็นเรื่องจริง มิใช่คำขู่ลอยๆ เพื่อหลอกให้คนในตำหนักในหวาดกลัวสินะ
ราชครูเว่ยพ่ายแพ้ติดต่อกันสองครั้งจริงๆ พอพูดถึงสาเหตุของความพ่ายแพ้ ในใจเขาก็รู้สึกอึดอัดน่าโมโหยิ่งนัก
เรือรบของเป่ยเจียงนั้นมีประสิทธิภาพดีเกินไปแล้ว! เรือรบที่แข็งแกร่งลำนี้ล่องในแม่น้ำสายใหญ่หรือทะเลกว้างได้อย่างราบรื่นราวกับพยัคฆ์ติดปีก ทว่าหนานเจียงกลับเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง เรือรบที่ไม่ค่อยคล่องตัวเช่นนี้ก็เปรียบเสมือนมังกรมีเขาเกยหาดตื้น* แต่หากเปลี่ยนไปใช้แพไม้ไผ่แบบที่ทหารในหนานเจียงใช้กัน ทหารจากเป่ยเจียงส่วนใหญ่กลับควบคุมการทรงตัวกันไม่ค่อยอยู่และรักษาสมดุลได้ไม่ดีพอ ทำให้ไม่สามารถหันหัวเรือให้เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วบนผืนน้ำได้เลย
ราชครูเว่ยตัดสินใจอย่างเด็ดขาดฉับไว สั่งให้ทหารถอนกำลังจากการสู้รบทางน้ำทันที ทว่าหนานเจียงอ๋องที่ชนะศึกสองครั้งติดต่อกันกลับฮึกเหิมลำพองใจอย่างหาใดเปรียบ รุกคืบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เข้ายึดเมืองชายแดนได้อีกสองเมืองจนสามารถเชื่อมต่อกับอาณาเขตของหลิ่งหนานอ๋องได้อย่างเป็นทางการ
ส่วนหลิ่งหนานอ๋องเมื่อประเมินสถานการณ์และลองชั่งน้ำหนักในใจดูแล้ว คาดว่าเว่ยเหลิ่งเหยาพยัคฆ์ร้ายแห่งพสุธาผู้นี้ต้องปราชัยอย่างยับเยินต่อหนานเจียงในการสู้รบทางน้ำครั้งนี้เป็นแน่แท้ จึงเปลี่ยนจุดยืนและแสดงเจตจำนงอย่างเป็นทางการว่าจะเข้าร่วมฟื้นฟูต้าเว่ย และออกประกาศว่าเว่ยเหลิ่งเหยาเป็นทรราชที่ก่อการกบฏ และเขาหลิ่งหนานอ๋องจะเป็นผู้กำจัดหัวหน้าโจรกบฏเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ต้าเว่ย!
ดังนั้นทหารของหลิ่งหนานอ๋องจึงได้เข้าร่วมต่อสู้โรมรันกับกองทัพต้าเว่ยด้วย ทำให้ขวัญกำลังใจของทหารจากหนานเจียงยิ่งฮึกเหิมมากขึ้นในชั่วพริบตา แม้อาการบาดเจ็บที่ขาของท่านราชครูจะยังไม่หายดี แต่ความกระวนกระวายใจของเขากลับมีมากกว่าจนกลบความเจ็บปวดบนร่างกายไปเสียสิ้น
ถึงแม้เนี่ยชิงหลินจะไม่ได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงครบถ้วนจากบรรดาฮูหยินเหล่านั้น แต่ด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมรอบคอบของนางก็สามารถประมวลสถานการณ์ด้วยตนเองได้เกือบทั้งหมดแล้ว นางเดินกลับตำหนักเฟิ่งฉูด้วยใจที่หนักอึ้งเต็มไปด้วยความครุ่นคิดวิตกกังวล
ขณะที่เดินผ่านริมทะเลสาบนางสังเกตเห็นว่าดอกบัวในทะเลสาบได้เลยช่วงเวลาเบ่งบานไปแล้ว บางดอกเหี่ยวเฉาแล้วด้วยซ้ำ มีเรือลำเล็กในวังล่องไปมาอยู่ในทะเลสาบ กำลังช้อนเก็บซากดอกบัวใบบัวที่เหี่ยวเฉาขึ้นจากน้ำ
เนี่ยชิงหลินรู้สึกวุ่นวายใจ แต่ไม่ได้รีบร้อนกลับตำหนัก นางรู้สึกว่าข้ารับใช้ที่กำลังทำงานเก็บดอกบัวนั้นดูน่าสนใจมาก นางจึงหยุดเดินและยืนชมอยู่ตรงนั้น
เรือลำนั้นดูแตกต่างจากที่เนี่ยชิงหลินเคยเห็นในวังมาก่อน ตัวเรือมีเถาวัลย์ประหลาดพันอยู่โดยรอบ ข้ารับใช้บนเรือเดินข้ามไปมาระหว่างเรือกับศาลากลางน้ำที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบ ตัวเรือชนกับเสาหินอยู่หลายครั้ง แต่เรือลำน้อยเหมือนกับมีมือใหญ่รั้งดึงไว้อย่างแน่นหนา ตัวเรือไม่โคลงเคลงเสียหลักเลยแม้แต่น้อย
เนี่ยชิงหลินมองดูอยู่สักพักก็เกิดความคิดขึ้นมาทันที นางสั่งให้ซั่นหมัวมัวเรียกข้ารับใช้ที่กำลังช้อนเก็บใบไม้และดอกบัวเน่าในน้ำให้ขึ้นฝั่งมาแล้วถามว่า “เรือน้อยลำนี้เหตุใดถึงต้องผูกกิ่งไม้ไว้ด้วย”
ข้ารับใช้คนนั้นได้ยินคำถามขององค์หญิงหย่งอันแล้วก็ไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิดลงไป จึงรีบละล่ำละลักตอบทันที “ทูลองค์หญิง หลายปีก่อนพอถึงช่วงเวลานี้ทีไรทะเลสาบจะมีลมแรงตลอดเลยพ่ะย่ะค่ะ เรือเล็กที่ใช้งานต้านแรงลมไม่ไหวมักถูกลมพัดคว่ำอยู่เสมอ กระหม่อมนึกถึงวิธีหนึ่งที่ใช้ในบ้านเกิดขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงได้ไหว้วานให้คนไปนำเถาลอยน้ำสองสามมัดจากบ้านเกิดมาพันรอบตัวเรือไว้เพื่อถ่วงน้ำหนักให้กับเรือไม่ให้พลิกคว่ำได้ง่ายๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เถาลอยน้ำ? ฟังจากชื่อแล้วเรือนั่นจะล่องไปได้อย่างคล่องตัวหรือ” เนี่ยชิงหลินถามอย่างกังขา
“ทูลองค์หญิง นี่ก็คือจุดเด่นของเถาลอยน้ำพ่ะย่ะค่ะ เถาวัลย์นอกจากจะอุ้มน้ำได้ดีแล้ว ตัวเถาวัลย์ยังมีน้ำหนักเบามาก สามารถลอยในน้ำได้และเคลื่อนที่บนผิวน้ำได้อย่างคล่องแคล่วเลยทีเดียวพ่ะย่ะค่ะ…”
แม้ท่านราชครูจะใช้พิราบสื่อสารส่งสารมาให้อยู่บ่อยครั้ง กระนั้นองค์หญิงหย่งอันกลับไม่เคยตอบสารอีกฝ่ายเลยสักฉบับ ทว่าไม่กี่วันต่อมานางกลับจรดพู่กันเขียนสารถึงท่านราชครูด้วยตนเองอย่างหาได้ยากนัก พร้อมส่งกิ่งไม้แปลกๆ มัดหนึ่งไปยังค่ายทหารหลักในหนานเจียงด้วยเลย