ตอนไปหาผักหญ้าให้หมู นางเคยเห็นตาน้ำพุที่อยู่ลับตาคนแห่งหนึ่ง ถึงเวลานั้นก็ต่อน้ำมาใช้โดยตรงได้เลยไม่ต้องไปหิ้วน้ำจากลำธาร
ผู้ใหญ่บ้านขมวดหัวคิ้วมองอยู่ครู่หนึ่ง “นางหนูหรู เจ้าอยากจะสร้างบ้านอยู่ที่ตีนเขาหรือ นี่…”
“ไม่ได้หรือ”
“ก็ไม่ใช่ไม่ได้ หมู่บ้านต้าเคิงเราแม้จะอยู่ในหุบเขา แต่ตรงจุดที่เจ้าชี้อยู่ใกล้ภูเขามาก มักมีสัตว์ป่าลงจากเขาอยู่เสมอ อันตรายมาก” ผู้ใหญ่บ้านบอกถึงภยันตรายให้นางรู้
“ไม่เป็นไร ก่อกำแพงล้อมรอบให้หนาหน่อยสูงหน่อย น่าจะไม่เป็นไร”
“ที่นี่จัดอยู่ในขั้นที่นาชั้นเลว หมู่ละห้าตำลึง ที่ผืนนี้มีเนื้อที่ราวสิบสองหมู่กว่า ถ้าเจ้าจะเอาก็คิดเจ้าสิบสองหมู่”
เหมยหรูเซียนหยิบแผนผังขึ้นมาพิจารณาดูที่ดินที่ติดเครื่องหมายผืนอื่นในละแวกใกล้เคียงกับที่ดินที่นางพอใจผืนนั้นอย่างละเอียด แล้วชี้ไปที่ที่ดินผืนหนึ่งพลางเอ่ยถาม “ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน ที่ตรงนี้เป็นที่ดินไม่มีเจ้าของใช่หรือไม่”
“ใช่ ที่ผืนนี้มีแต่ก้อนหิน หักร้างถางพงลำบาก จัดเป็นที่รกร้างว่างเปล่า ไม่มีใครต้องการ”
“เช่นนั้นขายให้ข้าพร้อมกันเลยได้หรือไม่”
“เจ้าจะซื้อที่ผืนนี้หรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าถึงตอนนั้นจะหาคนขุดหินออกมา เอามาก่อกำแพงล้อมรอบ เช่นนี้ก็จะประหยัดเงินซื้ออิฐไปได้ ที่เหลือก็รอข้ากับท่านแม่อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำค่อยๆ ไปหักร้างถางพง”
ความจริงแล้วเหตุผลสำคัญที่นางซื้อที่ผืนนี้ก็เพื่อจะนำมาปลูกต้นหม่อน ขุดหินในที่รกร้างออกมาก่อกำแพงก่อน ค่อยนำดินที่ขุดขึ้นมาเพื่อทำฐานรากของบ้านซึ่งเหลืออยู่มากมาถมในที่รกร้าง เช่นนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าดินที่จะปลูกต้นหม่อนไม่พอ
“เจ้าจะสร้างบ้านก่ออิฐมุงกระเบื้องหรือ” ผู้ใหญ่บ้านประหลาดใจอย่างมาก
“เจ้าค่ะ ถึงตอนนั้นยังต้องรบกวนท่านลุงผู้ใหญ่บ้านช่วยข้าจัดการ ไม่ทราบท่านลุงเห็นเช่นไร” พวกนางหญิงม่ายลูกกำพร้า ไม่มีคนหนุนหลัง คิดจะปักหลักมั่นคงในหมู่บ้านต้าเคิงก็จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยผู้ใหญ่บ้านจึงจะได้
“ข้าหรือ นางหนูหรูเจ้าให้เกียรติข้าเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ” พอนึกถึงว่านางหนูสกุลเหมยมอบงานก่อสร้างบ้านทั้งหมดให้กับเขา เขาก็ยิ้มจนหุบปากไม่ลง ดูท่าช่วงฉลองปีใหม่ปีนี้ครอบครัวของพวกเขาคงไม่ลำบากแล้ว
“เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณท่านลุงผู้ใหญ่บ้านไว้ตรงนี้ก่อนเลย จริงสิ ถึงตอนนั้นเรื่องอาหารการกินของคนงานก็ต้องรบกวนฮูหยินผู้ใหญ่บ้านช่วยข้าจัดการ ถามดูในหมู่บ้านท่านป้าท่านน้าคนไหนมีเวลาว่างมาช่วยได้บ้าง”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ภรรยาผู้ใหญ่บ้านก็พุ่งออกมาจากหลังม่านทันที “เรื่องนี้ไม่ต้องหาคนอื่น พี่สะใภ้สองคนของข้าก็เป็นคนหุงข้าวทำกับข้าวหม้อใหญ่ตามสถานที่ก่อสร้างไม่ก็งานที่อารามให้คนอื่นอยู่แล้ว พวกนางสองคนรับหน้าที่นี้ได้”
“เช่นนั้นถึงเวลาก็รบกวนฮูหยินผู้ใหญ่บ้านด้วย”
“ไม่สู้ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด เราไปดูที่ดินที่เจ้าพอใจผืนนั้นกัน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้ข้าก็จะไปที่ว่าการอำเภอแต่เช้าเชิญคนมากำหนดเขตที่ดิน ทั้งช่วยเจ้าทำเรื่องซื้อขาย ยังมีเรื่องขอขึ้นทะเบียนราษฎร์ให้เรียบร้อย” ผู้ใหญ่บ้านลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไปข้างนอก
“ได้ ตกลงตามนี้” เหมยหรูเซียนก็ลุกขึ้นตาม นางทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งจะพูดแล้วก็ไม่พูด “จริงสิ ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน ฮูหยินผู้ใหญ่บ้าน เรื่องที่ครอบครัวของข้าจะซื้อที่ปลูกบ้าน ขอให้พวกท่านช่วยเก็บเป็นความลับไว้ก่อน พวกท่านก็รู้…พวกเรากับบ้านท่านตา…”
ผู้ใหญ่บ้านเข้าใจในทันที พยักหน้าแล้วว่า “วางใจ ฐานรากยังไม่ทันขุด อิฐยังไม่ทันก่อขึ้นมา ข้าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป” เกิดบ้านสกุลจย่ารู้เข้าและมาโวยวายถึงบ้าน เขาคงจะขาดรายได้ไปหลายตำลึง
เขานึกถึงภรรยาปากมากผู้นั้นของตนก็หันไปจ้องนางด้วยสายตาเฉียบขาด “ลี่จู เจ้าได้ยินหรือไม่ ปิดปากให้สนิท”
ล้อเล่นอะไร เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงครอบครัวของพวกตนจะได้ฉลองปีใหม่กันอย่างมีความสุขหรือไม่ นางจะให้คนอื่นมาทำลายได้อย่างไร ภรรยาผู้ใหญ่บ้านรีบบอก “รู้แล้ว เรื่องอะไรพูดได้เรื่องอะไรพูดไม่ได้ ข้ารู้ดี เย็นมากแล้ว ท่านรีบพานางหนูหรูไปดูที่ดินเหล่านั้นเถิด”