นางไม่คิดอะไรมาก จึงพยายามจะดึงรองเท้าที่ฉีกขาดข้างนั้นออก แต่ทำอย่างไรก็ดึงไม่ออก นางต้องใช้เรี่ยวแรงที่ได้จากการกินออกมาจนหมดจึงถอดรองเท้าของเขาออกมาได้
พอมองดูมุมปากของนางก็ถึงกับแข็งค้าง
สวรรค์ นี่ไม่อาจเรียกข้อเท้า ควรจะเรียกกีบเท้าหมูมากกว่า!
บาดแผลที่ข้อเท้าของเขาน่าจะเกิดจากการไปเหยียบถูกกับดักสัตว์เข้า แต่เหตุใดขาทั้งขาจึงบวมมากเช่นนี้ ต่อให้ถูกเหล็กของกับดักหนีบได้รับบาดเจ็บก็ไม่เป็นเช่นนี้ ทั้งบริเวณรอบปากแผลยังมีสีดำคล้ำ นี่คงไม่ใช่เหยียบถูกกับดักอย่างเดียวแล้ว น่าจะถูกพิษด้วย แม้แต่ริมฝีปากของเขายังมีสีม่วง หากไม่รีบรักษาให้รอดพ้นอันตรายจะต้องมีคนตายแน่นอน
เหมยหรูเซียนพาบุรุษคนนั้นเข้าไปในพื้นที่ลับทันที นางใช้น้ำจากน้ำพุช่วยล้างแผลให้เขา ลำบากไม่น้อยกว่าจะห้ามเลือดให้หยุดได้ จากนั้นจึงใส่ยาพันแผลให้เรียบร้อย นางอดดีใจไม่ได้ที่เทพแห่งความสุขเอาหีบยาใบหนึ่งของท่านเซียนใหญ่เสินหนง* ใส่ไว้ในหีบสีแดง ไม่ว่าสมุนไพรอะไรก็มี ถึงได้ช่วยห้ามโลหิตให้คนผู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว
บาดแผลนี่ดูเหมือนจัดการง่าย แต่พอลงมือทำขึ้นมากลับแทบเอาชีวิตคน สิ้นเปลืองพลังไปเท่ากับวัวเก้าตัวเสือสองตัวนางจึงจัดการบาดแผลดำคล้ำตรงข้อเท้าได้เรียบร้อย
เมื่อนึกถึงว่านางเทพน้อยแห่งหายนะชั่วชีวิตไม่เคยต้องยกเท้าให้ใครมาก่อน ช่วยคนเป็นครั้งแรกก็ถึงกับเจอสถานการณ์เช่นนี้ แต่ช่างเถอะ ทำก็ทำไปแล้ว นึกเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์
หลังจากใช้น้ำจากน้ำพุล้างมือแล้ว เหมยหรูเซียนก็เด็ดผลไม้จากต้นไม้ผลมากินลูกหนึ่งเพื่อชดเชยพลังที่สูญเสียไป
นางมองบุรุษที่นางพาเข้ามาในพื้นที่ลับเพื่อช่วยชีวิต ตามประสบการณ์ที่นางเป็นเทพน้อยแห่งหายนะมาหลายปี บุรุษผู้นี้จะต้องถูกคนหลอกล่อวางหลุมพราง พลาดเหยียบกับดักที่มีคนทายาพิษรอเขามาติดกับอยู่ก่อนแล้วถึงได้เป็นเช่นนี้
ไม่รู้บุรุษผู้นี้ไปผูกความแค้นกับใครไว้ อีกฝ่ายถึงได้ใช้วิธีนี้มาลอบแก้แค้น
เพียงแต่…ไม่รู้เพราะเหตุใด ยิ่งมองบุรุษผู้นี้นางก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้ เห็นอยู่ว่าวันนี้นางเพิ่งเคยพบเขาเป็นครั้งแรก แปลกเสียจริง
ช่างเถิดๆ ไม่คิดแล้ว ในเมื่อเข้ามาในพื้นที่ลับแล้ว ไปดูตัวไหมเซียนทั้งหลายว่าทำงานไปถึงไหนแล้วดีกว่า ไม่รู้ว่าทำผ้าห่มใยไหมกับผ้าไหมหลิงอวิ๋นซาออกมาได้กี่ผืนแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางตรวจสอบสภาพการณ์ทุกอย่างเสร็จแล้วกลับมาที่ข้างน้ำพุก็เห็นบุรุษที่นางช่วยไว้ผู้นั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น นางจึงปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักพัก ตนเองกลับไปที่ศาลเทพแห่งขุนเขาก่อน หาไม่ออกมานานเกินไปท่านแม่จะเป็นห่วง
เหมยหรูเซียนออกจากพื้นที่ลับ สาวเท้าเร็วๆ เดินไปทางศาลเทพแห่งขุนเขา เร่งรีบเดินมาราวสองเค่อจึงมาถึงละแวกศาลเทพแห่งขุนเขา
นางมองดวงอาทิตย์ที่สุดขอบฟ้าแวบหนึ่ง ตอนนี้บุรุษผู้นั้นคงใกล้ฟื้นคืนสติแล้วกระมัง นางจึงหาที่ลับตาแห่งหนึ่ง หลบเข้าไปในพื้นที่ลับตรวจสอบดูบุรุษผู้นั้น ตั้งใจว่าจะฉวยโอกาสตอนที่สติของเขายังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ย้ายตัวเขาออกมา เพียงแต่พอนางเข้าไปในพื้นที่ลับก็ต้องงงงันไปทันที
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ป้อนน้ำพุในพื้นที่ลับให้เขาดื่มไปแล้ว ทั้งให้เขาพักผ่อนอยู่ในนี้ ซึมซับพลังเซียนมาพักหนึ่งแล้ว นางเดินมาจนใกล้จะถึงศาลเทพแห่งขุนเขา แต่เขาถึงกับยังไม่ตื่นขึ้นมา!
หรือเป็นเพราะพิษนั่นรุนแรงเกินไป หาไม่ด้วยสรรพคุณของน้ำพุในพื้นที่ลับ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ฟื้นคืนสติ
อีกไม่นานฟ้าก็จะมืดแล้ว นางไม่อาจทิ้งเขาไว้ในพื้นที่ลับตลอดไปได้ ถ้าถูกพบความลับ นางจะพูดจากลบเกลื่อนอย่างไร แต่เขายังไม่ฟื้นแล้วย้ายเขาออกจากพื้นที่ลับ เกิดถูกสัตว์ป่ากัดเข้า ที่นางเสียเวลาช่วยเขาไว้ก็เท่ากับสูญเปล่า
ช่างเถิด ช่วยชีวิตคนดีกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ใครใช้ให้นางเป็นเทพน้อยแห่งหายนะที่น่ารักและจิตใจดีเล่า วันนี้นางจะถือเสียว่ากำลังสร้างกุศลสร้างบุญให้ตนเองก็แล้วกัน
เหมยหรูเซียนเอาน้ำผึ้งเซียนที่หนึ่งวันจะไหลออกมาเพียงหนึ่งหยดป้อนใส่ปากเขาด้วยความเสียดายอย่างที่สุด แล้วก็รออยู่ครู่หนึ่ง ไม่ผิดจากที่คิด บุรุษผู้นี้เริ่มขยับตัวแล้ว
นางเคลื่อนไหวดวงจิตพาบุรุษผู้นี้ออกจากพื้นที่ลับ ประคองเขานอนลงบนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง เพิ่งจะจับเขานอนลง บุรุษผู้นั้นก็ฟื้นขึ้นมา
ฝูจิ่งเซิงกะพริบตาที่หนักอึ้งด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง มองภาพร่มไม้เลือนรางที่อยู่เบื้องหน้าพลางส่งเสียงครางออกมาอย่างยากลำบาก
“ท่านฟื้นแล้วหรือ ดียิ่งนัก ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”
จู่ๆ ก็มีดวงหน้าเฉิดฉายงามพริ้มเพราปรากฏขึ้นมาตรงหน้าทำให้เขารู้สึกฉงน “เจ้า…”
“ท่านได้รับบาดเจ็บหมดสติ ข้าพบท่านที่ริมลำธารจึงช่วยท่านเอาไว้ ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ข้า…” ฝูจิ่งเซิงมองหญิงสาวหน้าตาหมดจดงดงามในชุดกระโปรงสีขาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง เพียงรู้สึกว่าดวงตาสดใสแวววาวมีชีวิตชีวาคู่นั้นคล้ายพูดได้