ระหว่างนั้นป้าหวังก็โน้มตัวลงมาพูดชิดข้างหูนาง กดเสียงลงต่ำมากขึ้น “อีกสามวันให้หลังก็จะเอาคุณชายซุนลงฝังแล้ว เจ้าตัดสินใจเอาเอง เจ้าจะเอาเงินหนึ่งร้อยตำลึง นับแต่นี้กินดีอยู่ดี หรือจะไปดูแลปรนนิบัติคนที่ตายไปแล้วครึ่งตัวคนหนึ่ง” มือของนางไม่ลืมยกขึ้นมาทำท่าปาดคอ
ป้าหวังแสดงท่าทางให้เฮ่อซื่อรู้เป็นนัยเช่นนี้ นางมีหรือจะไม่เข้าใจ ทว่าเมื่อนึกถึงว่าจะให้นางลงมือสะบั้นลมหายใจที่เหลือเพียงรวยรินของเหมยหรูเซียน ร่างของนางก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ “เรื่องนี้…ป้าหวัง ฆ่าเป็ดฆ่าไก่ข้ากล้า แต่วางแผนชิงทรัพย์สังหารคนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย…”
ป้าหวังเหยียดมุมปาก ยืดตัวตรงแล้วว่า “เจ้าก็อย่าหาว่าข้าใจคอเหี้ยมโหด เรื่องเช่นนี้ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว ในบ้านถ้ามีคนครึ่งเป็นครึ่งตายเช่นนี้อยู่ คนในครอบครัวไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องได้รับความทุกข์ทรมานไปด้วย ไม่เป็นผลดีไม่ว่ากับใคร”
เฮ่อซื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มหวั่นไหว
ใช่แล้ว นางเด็กต่ำช้านั่นมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ว่ากับใครก็ไม่เป็นผลดี!
“อีกอย่าง นางได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้รักษาจึงตาย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเจ้าแม้แต่น้อย ไม่มีใครสงสัยมาถึงเจ้า อย่าว่าแต่ที่เจ้าทำเป็นเรื่องดี นางมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นนี้จึงจะทุกข์ทรมาน เจ้าช่วยนางให้ตายเร็วไปเกิดใหม่เร็วเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง” ป้าหวังพูดจบก็ไม่เกลี้ยกล่อมนางอีก รอให้เฮ่อซื่อตัดสินใจเอง
เฮ่อซื่อมองป้าหวังด้วยสีหน้าแปรเปลี่ยนไปร้อยแปดพันเก้า สุดท้ายก็บอกอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ “ใช่แล้ว…สวรรค์ต้องการจะรับคนไป เกี่ยวอะไรกับข้า” เหมยหรูเซียนนางเด็กต่ำช้านั่น เดิมก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว แม้แต่ท่านหมอยังบอกอาการไม่ค่อยดี ถ่วงเวลาต่อไปเช่นนี้ กล่าวสำหรับเหมยหรูเซียนแล้วก็เป็นการทรมาน นางจะทำเรื่องดีให้เหมยหรูเซียนลงมาในท้องแม่เพื่อจะเกิดใหม่เสียแต่โดยเร็ว
เพิ่งจะกลับมาถึงเรือนด้านหลัง เฮ่อซื่อก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวบาดลึกถึงใจเชือดเฉือนถึงกระดูกของน้องสามีจย่าอิ๋งชุนและหลานชายเหมยชิงหยวนดังออกมาจากกระท่อมมุงหญ้าคา…
“หรูเซียน ตื่นขึ้นมาเถิด!”
“พี่สาว ท่านต้องตื่นขึ้นมานะ!”
เฮ่อซื่อชะงักฝีเท้า หยักยกมุมปากทีหนึ่ง หันไปถ่มน้ำลายใส่กองฟืนที่อยู่ด้านข้าง แช่งด่าออกมาคำหนึ่ง “เชอะ นางเด็กต่ำช้าที่สมควรตาย สิ้นใจเร็วหน่อยก็ดี ทำให้ข้าเสียเวลากังวลใจมาตั้งหลายวัน” จากนั้นก็จะเดินไปที่กระท่อมมุงหญ้าคา
คนสกุลจย่าได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจก็พากันออกจากห้องเร่งรุดมา ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จย่าเอ้อร์หลางพอเห็นเฮ่อซื่อภรรยาของตนเดินมาก็ขยิบตาให้นาง หลังจากได้รับสายตายืนยันจากนาง หัวใจที่เดิมแขวนลอยอยู่กลางอากาศก็สงบลง ตอนนี้เขาก็แค่รอรับเงินเท่านั้น
“ท่านพ่อ ดูเหมือนนางหนูหรูเซียนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแล้ว” จย่าต้าหลางพูดกับผู้เฒ่าจย่าที่สีหน้าดูย่ำแย่มาก
“ยังต้องให้เจ้าบอกด้วยหรือ หายนะเสียจริง สินค้าขาดทุน* เช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ตายอยู่ที่บ้านสกุลเหมยพร้อมพ่อของนางเสียเลย เวลานี้กลับมาตายที่บ้านสกุลจย่าของเรา ยังต้องเสียเงินซื้อโลงศพอีก” ผู้เฒ่าจย่าถลึงตาใส่บุตรชายคนโตทีหนึ่ง
“ตาแก่ เหตุใดจึงพูดเช่นนั้น ดีชั่วหรูเซียนก็เป็นหลานของเจ้า” หลัวซื่อ ยายของเหมยหรูเซียนเช็ดน้ำตาพลางตำหนิสามีที่ใจคอคับแคบ
“ก็แค่สินค้าขาดทุนของผู้อื่น ต้องให้บ้านสกุลจย่าเราเสียเงิน หรือว่ายังพูดไม่ได้” ผู้เฒ่าจย่าหันไปตะคอกภรรยาของตนด้วยความโมโห
จย่าต้าหลางในใจก็ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของบิดา “ท่านพ่อ ข้าจะไปซื้อโลงไม้บางที่ร้านขายโลงในตำบลตอนนี้เลย”
“โลงไม้บางใบหนึ่งก็ต้องใช้เงินครึ่งตำลึงแล้ว…” จย่าเอ้อร์หลางจงใจพูดขึ้น