ฟ้าเพิ่งจะสาง บริเวณโดยรอบยังคงหลงเหลือความมืดยามราตรีสบประสานกับความมืดมัวยามรุ่งอรุณ ตู้เจวียนจุดโคมไฟโปร่งแสงตามทางเดินซึ่งส่องแสงสีเหลืองนวลอยู่ด้านบน ฟู่เหลียงเฉินเดินตามหลังนางออกไปจากจวนใหญ่เงียบๆ
แผ่นหลังดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงของนางค่อยๆ จางหายไปจากประตูโค้ง บนทางเดินของจวนใหญ่มีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏกายขึ้นมา สวมเสื้อคลุมสีดำมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนั้นมานานเท่าใดแล้ว
เซียวอี้เหรินมีสีหน้าว่างเปล่า สายตาลึกล้ำกลับปรากฏร่องรอยความสับสนอยู่ในที
หลังจากนั้นเขาจึงหมุนตัวก้าวเดินเข้าไปที่ห้องนอนในจวนใหญ่ของท่านพ่อท่านแม่
ใบหน้าของท่านกั๋วกงซึ่งเต็มไปด้วยหนวดเครา เอามือไพล่หลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องด้วยสีหน้าร้อนใจกระวนกระวาย เมื่อเห็นเขาก็เผลอตะคอกออกมาด้วยความโกรธเคือง “เจ้าคนเลว!”
รูปร่างสูงตรงราวต้นสนของเขาคุกเข่าลงด้วยความเคร่งเครียด “ท่านพ่อจะทุบตีลูกสักชั่วครู่ก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าโมโหจนทำร้ายตนเอง”
“เจ้าคิดว่าเจ้าได้เป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว กุมอำนาจกองทหารของสกุลเซียว พ่อจะไม่กล้าตีเจ้าจริงอย่างนั้นหรือ” ท่านกั๋วกงโกรธเคืองเป็นอย่างมาก
เป็นตอนนั้นเองที่ซิ่วเยวี่ยรีบรุดเข้ามารายงานด้วยความยินดีและตื่นเต้น “นายท่าน นายน้อยเจ้าคะ ฮูหยินฟื้นแล้วเจ้าค่ะ!”
สีหน้าของคนทั้งสองพลันเปลี่ยนเป็นความดีใจพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างเร่งก้าวเดินไปข้างในห้องนอนทันที
เซียวเหอซื่อซึ่งมีใบหน้าซีดเผือดกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียงที่ทำจากไม้ประดู่แดงเคลือบลายเปลือกหอย กำลังรับน้ำชาจากสาวใช้มาจิบอย่างช้าๆ แต่ยามเห็นสีหน้าดีใจและโล่งใจของพวกเขาสองพ่อลูกกลับชักสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันใด
“พวกเจ้ามาทำอะไรกัน”
“ฮูหยิน เจ้าดีขึ้นบ้างหรือไม่ ร่างกายเจ้ามีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือไม่ กินยาหรือยัง” ท่านกั๋วกงรีบนั่งลงข้างกายภรรยา อดรนทนไม่ได้แตะไปที่หน้าผากของนาง “ยังดีที่ไม่มีไข้ หมอหลวงบอกว่าอาการป่วยของเจ้าที่น่ากลัวที่สุดคือจะมีไข้…”
“เฉินเอ๋อร์เล่า” เซียวเหอซื่อไม่ชายตามองลูกชายเลยสักนิดพลางเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง
“ได้ยินพวกสาวใช้พูดกันว่าลูกสะใภ้ดูแลเจ้าตลอดทั้งคืน ป้อนยาป้อนชาด้วยตนเอง ไม่ยอมให้คนอื่นทำเลยสักนิด ลำบากจนเพิ่งออกไปเมื่อครู่เพื่อไปจัดการงานต่างๆ ในจวน” ท่านกั๋วกงเห็นภรรยามีสีหน้าประหลาดจึงรีบเอ่ยอย่างเอาใจ “ลูกสะใภ้เป็นคนฉลาดรอบรู้และแข็งแกร่ง อดนอนมาทั้งคืนไม่แม้แต่จะปิดตา ข้าคิดว่าอากาศเย็นนิดหน่อยจึงให้เด็กคนนั้นกลับห้องไปพักผ่อนให้มากๆ ที่นี่มีข้าอยู่ก็ได้แล้ว”
เซียวเหอซื่อค่อยๆ มีสีหน้านิ่งสงบลงจนได้ ท่านกั๋วกงลอบปลาบปลื้มตนเองอยู่เงียบๆ ที่พูดไปไม่ผิดเลยสักนิด
“ท่านแม่” เหตุใดเซียวอี้เหรินจะไม่รู้ว่าผู้เป็นแม่จงใจปฏิบัติต่อตนเองอย่างเย็นชา นิสัยหัวแข็งดั่งเช่นเขา จึงเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวลพลางลอบถอนใจอยู่ภายใน “เป็นความผิดของลูกเองทั้งหมด เป็นลูกที่ทำให้ท่านแม่โมโห”
“เจ้ารู้ว่าเป็นความผิดตนเองแล้วจริงหรือ!” นัยน์ตาของเซียวเหอซื่อร้อนผ่าว จมูกแสบร้อนพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรจะมาขอโทษแม่ แต่ควรจะไปขอโทษ ไปสำนึกผิดต่อภรรยาของเจ้าเสีย เจ้าทำร้ายจิตใจนาง ตบหน้านาง…”
“ข้ารับผิดชอบเหลียงเฉินแล้ว” เขาไร้คำพูดไปชั่วครู่ อากัปกิริยากลับดื้อรั้นหนักแน่นดั่งหินเหล็ก “ข้าให้สถานะ ตำแหน่ง เกียรติยศทุกอย่างที่นางต้องการ แม้แต่ตำแหน่งภรรยาของแม่ทัพนี้ก็ถือว่าเป็นของนางชั่วชีวิต ส่วนเรื่องอื่นข้าให้ไม่ได้อีกต่อไป”
“เจ้า…” เซียวเหอซื่อโกรธจัด ใบหน้าขึ้นริ้วสีแดง