เมืองลุคน่าตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศพูรัม ห่างจากเวฬปุระเมืองหลวงของประเทศราวๆ ห้าร้อยกิโลเมตร หากพูดถึงความเจริญก็นับว่าเจริญน้อยที่สุดในบรรดาจังหวัดอื่นของพูรัม เพราะนอกจากไม่ติดทะเลแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นภูเขา เพาะปลูกอะไรก็ลำบาก ผู้คนส่วนใหญ่มักเป็นคนแก่หรือพวกขี้แพ้ที่หอบสังขารกลับมาตายรัง คนหนุ่มสาวมักย้ายไปอยู่เวฬปุระหรือเมืองใกล้เคียงที่ติดทะเลมากกว่า
หากมีอะไรที่นับว่าเป็นข้อดีของเมืองลุคน่าก็เห็นจะเป็นศาสนสถานที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์นักหนา แต่ละปีมีผู้ศรัทธาเดินทางมาสักการะพระแม่อุมาเทวีกันไม่ขาดสาย
ในอดีตทำเลทองที่ผู้คนใช้ทำมาหากินกับความเชื่อของคนห่างจากโบสถ์พราหมณ์ไม่ถึงสิบกิโลเมตร พื้นที่ไกลกว่านั้นจึงมีราคาถูกแสนถูก บรรพบุรุษของ ‘เธอคนนั้น’ จึงกว้านซื้อที่ดินไว้ พอเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์พราหมณ์แห่งนี้ขยายวงกว้างมากขึ้น ที่ดินซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นที่ชายขอบกลับกลายเป็นย่านการค้าและที่พักรองรับผู้ศรัทธาจากทั่วสารทิศ
บรรพบุรุษของ ‘เธอคนนั้น’ กลายเป็นเศรษฐีใหญ่ประจำเมืองลุคน่า ใครๆ ก็นับหน้าถือตา ยกยอปอปั้นว่าใจบุญสุนทาน แต่ใครเล่าจะรู้ว่าภาพลักษณ์ที่เพียรสร้างมาหลายชั่วอายุคนจะล่มสลายด้วยฝีมือหลานสารเลวอย่างรานี แม่เลี้ยงของเธอเอง
เท่าที่จำความได้บ้านหลังแรกของสารินคืออาคารสามชั้นซึ่งมีเด็กเล็กเด็กโตอยู่กันยั้วเยี้ยไปหมด ทุกคนต่างโหยหาและแย่งชิงความรักจาก ‘แม่’ หรือพี่เลี้ยงที่ถูกว่าจ้างให้มาดูแลพวกเธอ พอมีคนใจบุญแวะมาเยี่ยม พวกเธอก็บุกเข้าไปราวกับฝูงซอมบี้ที่หิวโหยความรัก หวังว่าจะมีใครสักคนรับพวกเธอออกไปเลี้ยงดู แต่แขกพวกนั้นให้เพียงความเมตตาสงสารไม่กี่ชั่วโมง แล้วพวกเขาก็จากไปพร้อมคำสัญญาว่าจะกลับมาอีก
แต่แปลกที่คนพวกนั้น…ไม่เคยรักษาสัญญา!
สารินเรียนรู้จากความผิดหวังจนเลิกหวังลมๆ แล้งๆ เธอเลือกสร้างโอกาสด้วยตัวเอง เธอจะโบยบินออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ไปมีชีวิตใหม่ที่มีพ่อแม่ใจดีแสนอบอุ่นด้วยตนเอง ดังนั้นทุกครั้งที่มีแขกมาเยี่ยมเยียนเธอจะไม่กลุ้มรุมเข้าไปสร้างความอึดอัดใจให้พวกเขา แต่จะแสดงความสามารถทั้งร้องและเต้นให้พวกเขาเห็นคุณค่าในตัวเธอจนเป็นฝ่ายเสนอตัวพาเธอออกไปเอง
แล้วรานีก็คือผู้โชคดีคนนั้น ส่วนผู้โชคร้ายจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่…สาริน!
ไม่ใช่ว่ารานีและอรุณผู้เป็นสามีไม่มีลูกเป็นของตนเอง แต่คนพวกนั้นแค่ถูกแรงยุจากเหล่าพ่อยกแม่ยกให้รับเด็กไปเลี้ยงสักคน ด้วยความไม่อยากเสียหน้าและไม่อยากเสียตำแหน่งเศรษฐีใหญ่ใจบุญประจำเมือง พวกเขาจึงรับเธอกลับบ้านไปด้วย
ตอนนั้นสารินคิดว่าพระเจ้าทรงเมตตาลูกนกลูกกาตาดำๆ แล้ว แต่เพียงแค่วันเดียวสารินก็พบว่าห้องนอนของเด็กวัยแปดขวบคือห้องเก็บของซึ่งเหลือพื้นที่ให้ซุกหัวนอนแค่แมวดิ้นตาย มีเศษกระดาษเก่าต่างฟูก มีลังกระดาษต่างหมอน ผ้าห่มก็ได้รับความอนุเคราะห์จากผ้าห่มที่แม่บ้านเลิกใช้แล้วเอามาโยนไว้ให้
อาหารคือเศษกับข้าวที่พวกเขาทิ้งขว้าง น้ำคือน้ำก๊อกที่อยู่ใกล้มือ เธอไม่เคยได้ทานขนมกรุบกรอบหรือน้ำอัดลมรสซ่าดังเช่นมุกตาร์ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาเลย
รูปร่างของมุกตาร์จึงแปรผันตามสิ่งที่ทานเข้าไปคืออ้วน ใบหน้ากลมแป้น ดวงตาเรียวเล็ก ขณะที่สารินผอมบางและสูงเพรียว นัยน์ตากลมโตสุกสกาวราวกับนัยน์ตากวาง ยิ่งโตก็ยิ่งกลายเป็นสาวงาม มุกตาร์จึงไม่ยอมให้เธอติดรถออกไปข้างนอกด้วย เพราะเธอมักกลายเป็นตัวเปรียบเทียบให้มุกตาร์ดูแย่กว่าเสมอ
ความริษยาทำให้มุกตาร์หาเรื่องกลั่นแกล้งแทบไม่เว้นวัน สารินชอบอ่านหนังสือ เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากความเป็นทาส ทว่าหากมุกตาร์หรือรานีเห็นว่าเธออ่านหนังสือก็จะถูกจับไปเฆี่ยนตี ด้วยข้อหาขี้เกียจสันหลังยาว ไม่รู้จักหยิบจับการงานในบ้าน ทั้งที่ความจริงแล้วพวกเขาไม่อยากให้เธอฉลาดกว่าลูกสาวที่วันๆ ถนัดแต่เสริมสวยและปรายตาให้ท่าแขกที่มาพักโรงแรมของครอบครัว
รานีเป็นทายาทเจ้าของที่ดินทำเลทองหลายผืนในเมืองลุคน่า เธอขายที่ดินเหล่านั้นเพื่อนำเงินไปฝากธนาคาร และใช้มันเปิดร้านอาหารกับโรงแรมใกล้โบสถ์พราหมณ์ ถึงจะคิดราคาแพงกว่าโรงแรมเจ้าอื่น แต่คนที่เดินทางมาด้วยศรัทธาก็พร้อมจ่าย
หากจะกล่าวว่าบาปของมุกตาร์คือริษยา ของรานีคือความโลภ บาปของอรุณก็คงหนีไม่พ้นราคะ
แววตาที่อรุณมองสารินเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเธออายุย่างเข้าสิบสี่ จากเด็กผู้หญิงวัยแปดขวบกลายเป็นเด็กสาววัยแรกผลิ กระตุ้นความกำหนัดของไอ้เฒ่าตัณหากลับให้ลุกโชน
ยามใดที่เธอเผลอไผลไม่ระวังเนื้อระวังตัว มันจะแสร้งแตะเนื้อต้องตัวทำเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่หลังๆ มันจะลอบเข้ามากอด สร้างความขนพองสยองเกล้าจนเธออยากอาเจียน เวลานอนก็นอนหลับไม่เต็มตา ต้องสะดุ้งทุกคืน กลัวว่ามันจะแอบเข้ามาข่มขืน