แล้วความหวาดกลัวนั้นก็เกิดขึ้นในคืนหนึ่งหลังจากรานีและมุกตาร์ไปทำธุระที่เมืองอื่น เหลือเพียงเธอกับมันและแม่บ้านวัยกลางคน กลางดึกคืนนั้นมันไขกุญแจเข้ามาปลุกปล้ำเธอโดยมีแม่บ้านรู้เห็นเป็นใจ คืนนั้นสารินคิดเพียงว่ายอมตายแต่จะไม่ยอมเสียตัวให้ไอ้อัปรีย์หน้าตัวเมียเด็ดขาด
ในความสะลึมสะลือนั้นมันคร่อมเหนือตัวเธอ รีบร้อนควักอาวุธประจำกายขึ้นมาหมายจะทำลายวัยสาวของเธอ ยังดีที่สารินอยู่ในห้องเก็บของ จึงควานมือสะเปะสะปะคว้าขวดซีอิ๊วใกล้มือกระแทกศีรษะจนมันลงไปนอนสลบเหมือด เธอรีบไปเรียกแม่บ้านผู้นั้นให้พาพ่อเลี้ยงไปโรงพยาบาล
เปล่า! สารินไม่ได้มีเมตตาหวังให้มันรอดตาย เธอต้องการประจานความชั่วช้าของมันต่างหาก
ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลแม่บ้านผู้นั้นก็มัวสาละวนกับการทำประวัติคนไข้ พูดคุยกับแพทย์ ส่วนเธอก็แสร้งนั่งเนื้อตัวสั่นให้อยู่ในรัศมีที่พยาบาลห้องฉุกเฉินมองเห็นได้ พอพยาบาลเข้ามาทัก สารินก็แสร้งทำทีเป็นหวาดกลัวตัวสั่นเทา ร้องไห้โฮ
‘หนูกลัวแล้ว หนูกลัว อย่าทำอะไรหนูเลย’
‘ไม่ต้องกลัวจ้ะ หนูปลอดภัยแล้ว คุณพ่อถึงมือคุณหมอแล้วนะจ๊ะ สบายใจได้’
‘หนูไม่ได้ตั้งใจ ถ้าแม่รู้แม่เฆี่ยนหนูเหมือนทุกครั้งแน่’ พยาบาลคนนั้นหน้าเผือด พลางกวักมือเรียกพยาบาลอีกคนให้เข้ามาร่วมฟังชะตากรรมแสนโหดร้าย
‘มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา ไม่มีใครทำอะไรหนูได้หรอกนะ’
สารินแสร้งร้องไห้สะอึกสะอื้น ทอดจังหวะเรียกคนให้มามุงเยอะขึ้น ‘พ่อ…พ่อจะทำร้ายหนู พ่อควักไอ้นั่นขึ้นมาจะใส่เข้ามาในตัวหนู หนูกลัว หนูห้ามพ่อแล้ว แต่พ่อไม่ฟัง พ่อบอกว่าหนูเป็นทาสของพ่อ พ่อสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ ลูกบ้านไหนก็ยอมพ่อตัวเองแบบนี้ทั้งนั้น’
เหล่าพยาบาลและบรรดาญาติคนไข้ในห้องฉุกเฉินล้วนนิ่งตะลึงงัน เพราะถ้อยคำอัปรีย์จัญไรพวกนี้มีแต่ในสารบัญของคนสารเลวเท่านั้น แน่นอนว่าไม่มีใครคิดว่าเด็กที่ยังไม่โตเต็มวัยจะโกหก พวกเขาพิพากษาอรุณซึ่งนอนสลบอยู่ด้วยสายตาหมิ่นหยาม
‘เงียบเดี๋ยวนี้นะ!’ เสียงนั้นดังมาจากแม่บ้านวัยกลางคน
สารินรีบก้มหน้า บีบมือตนเองบนตักแน่น ทำทีเป็นหวาดกลัว นั่นยิ่งทำให้เหล่าคนมุงล้วนเชื่อว่าสารินถูกอรุณล่วงละเมิดทางเพศ และครอบครัวนี้ก็ไม่ได้ใจบุญตามที่สร้างภาพไว้แม้แต่น้อย
ดาบนั้นคืนสนอง!
สารินไม่ได้ใส่ร้ายสักหน่อย แค่ช่วยเร่งให้บาปกรรมออกดอกออกผลเร็วขึ้นก็เท่านั้น
หลักฐานที่อรุณนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาลคือพยานประจานความเลวของมันโดยที่สารินไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย หลังจากวันนั้นรานีก็ย้ายเธอออกจากบ้านโสมม ไปนอนรวมกับคนงานที่ร้านอาหารในตัวเมืองลุคน่าพร้อมกับปรามาส
‘ฉันอยากรู้นักว่าแกจะรอดมือคนงานพวกนี้ไหม เผลอๆ คืนนี้คงไม่พ้นถูกพวกมันรุมโทรม’
‘คุณแม่!’ สารินร้องเรียกด้วยความตกใจ หันไปมองเหล่าชายฉกรรจ์หนวดเคราเฟิ้มด้วยสีหน้าหวั่นกลัว ‘คุณแม่อย่าทิ้งหนู หนูกลัวแล้วค่ะ’
‘กลัวแล้วแกทำร้ายพ่อแกทำไม’
‘แต่…พ่อจะข่มขืนหนูนะคะคุณแม่’
‘ยอมๆ ไปเสียก็สิ้นเรื่อง แกใช่ลูกสาวเขาที่ไหน เขายอมเลี้ยงดูแกให้เติบใหญ่ก็ดีแค่ไหนแล้ว ตอบแทนบุญคุณแค่นี้ทำจะเป็นจะตาย ฉันรู้นะว่าแกคอยยั่วผัวฉันออกบ่อย ฉันเห็นแกร่านดีนักก็เลยสงเคราะห์ให้ อรุณคงเลี้ยงดูให้แกพออยู่ได้ ฉันใจดีแค่ไหน ยังไม่ขอบคุณอีก’
สารินอ้าปากค้างด้วยความตกใจ รานีรู้เห็นเป็นใจผลักเธอตกนรกทั้งเป็น มีแต่พวกจิตใจต่ำทรามเท่านั้นแหละที่คิดเรื่องสกปรกโสมมแบบนี้ได้
‘ใช่สิ ฉันมันคนทำบุญไม่ขึ้น หวังให้แกได้ผัวดี แต่แกกลับก่อเรื่องทำร้ายผัวฉัน แล้วยังใส่ความฉันกับอรุณอีก ในเมื่อแกไม่รักดีก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ให้พวกมันรุมโทรมก็แล้วกัน’
ตอนนั้นสารินรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยไม้หน้าสามแรงๆ จนเนื้อตัวเย็นชืดไปหมด คำว่า ‘กตัญญู’ ที่เคยค้ำคอมาตลอดหลายปีมลายหายไป เหลือแต่ความคับแค้นใจที่ลุกโชติช่วงขึ้นมาแทน
ตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสารินยังไม่รู้สึกว่าชีวิตบัดซบเช่นนี้เลย แต่ทำอย่างไรได้ เธอเชิดหน้าออกจากที่นั่นมาแล้ว ก็จะไม่มีวันกลืนน้ำลายตัวเองกลับไปให้ใครสมน้ำหน้าเด็ดขาด
นับจากนี้สารินจะกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง บอกลาเทพเทวาพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายที่เคยอ้อนวอน ต่อแต่นี้สารินจะมีตัวเองเป็นศาสดาเท่านั้น
โปรดติดตามต่อไป…