หลังจากก้าวผ่านประตูเข้าไปหยุดยืนกลางลานบ้านซึ่งเปิดเพดานโล่งเพื่อรับแสง เสียงแหลมก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของผู้คนในงาน
“นังสาริน!”
“คุณแม่!”
สารินคลี่ยิ้ม สาวเท้าเข้าไปหาหญิงวัยกลางคนผู้ชักสีหน้าถมึงทึงพลางก้มลงแตะเท้าอีกฝ่ายด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนนำมือนั้นขึ้นมาจรดหน้าผากตนเองตามธรรมเนียมการเคารพผู้ใหญ่ของพูรัม ทว่าอีกฝ่ายกลับชักเท้าถอยหนี
“แกออกจากคุกตั้งแต่เมื่อไร”
สารินรู้ว่ารานีจงใจประกาศให้รู้ว่าเธอเคยติดคุก แต่เรื่องแค่นี้ทำอะไรสารินไม่ได้ รานีเล่นผิดคนแล้ว
“เพิ่งออกมาเมื่อเช้าค่ะคุณแม่”
“แล้วแกเสนอหน้ากลับมาที่นี่ทำไม”
“พี่มุกตาร์แต่งงานทั้งที สารินเป็นน้องสาวก็ต้องมาร่วมงานอยู่แล้วนี่คะ”
“ฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว”
“คุณแม่ลืมลูกสาวคนนี้ แต่คงไม่ลืมบาปกรรมที่คุณแม่เคยทำกับหนูหรอกใช่ไหมคะ”
“แกพูดอะไรของแก” รานีกระแทกเสียง ทำทีจะยกมือเรียกคนรับใช้ให้มาไล่เธอออกไป แต่สารินรู้สันดานผู้หญิงคนนี้ดีจึงก้าวเข้าไปกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ใจเย็นสิคะคุณแม่ เพิ่งเจอหน้าก็จะไล่กันแล้ว หนูยังไม่ได้เล่าเรื่องชู้ของคุณแม่ให้ฟังเลยนะคะ”
“กะ…แกพูดบ้าอะไร”
“อย่าตีหน้าซื่อสิคะคุณแม่ ชายชู้ที่คุณแม่คบหาอยู่หลายปีก่อนจะจ้างคนอุ้มฆ่าหมอนั่น แล้วใส่ร้ายภรรยาของเขาว่าเป็นคนฆ่า คุณแม่ลืมแล้วเหรอคะ”
ยิ่งเห็นใบหน้าของรานีเผือดสี สารินก็ยิ่งเชื่อว่าข้อมูลที่นักโทษหญิงผู้นั้นและข้อมูลที่ปารีกับมีร่าสืบมาเพิ่มเติมเป็นเรื่องจริง
“แกคิดจะขู่ฉันเหรอ”
“หนูจะกล้าขู่คุณแม่ได้ยังไงล่ะคะ บุญคุณของคุณแม่ล้นฟ้า หนูนับวันรอตอบแทนบุญคุณของคุณแม่จนตัวสั่นเลยนะคะ”
“แกต้องการอะไร เพิ่งออกจากคุกอย่างแกคงไม่พ้นอยากได้เงินล่ะสิ”
“หนูบอกแล้วไงคะว่าหนูอยากตอบแทนบุญคุณของคุณแม่กับคุณพ่อให้สาสมเสียก่อน หนูถึงจะนอนตายตาหลับ”
“อีสาริน!”
“เบาๆ สิคะคุณแม่ เกิดหนูตกใจหลุดปากเรื่องชายชู้ของคุณแม่ขึ้นมา คุณแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะคะ ยิ่งวันนี้เป็นวันหมั้นของพี่มุกตาร์ด้วย ขายขี้หน้าแย่นะคะคุณแม่”
“อี…อี…นังงูพิษ นังลูกอกตัญญู!” รานีถลึงตา เท้าเอวชี้หน้าราวกับตัวร้ายในละครน้ำเน่า
“ถ้าหนูอกตัญญู หนูจะรีบกลับมาตอบแทนบุญคุณคุณแม่กับพี่มุกตาร์เหรอคะ”
“แกคิดจะทำอะไร”
“หนูก็แค่มาร่วมยินดีกับพี่มุกตาร์ แล้วก็กลับมาดูแลคุณแม่กับคุณพ่อให้สมกับเป็นครอบครัวตัวอย่างประจำเมืองลุคน่าไงล่ะคะ”
“แกคิดว่าฉันเชื่อที่แกพูดรึไง ไสหัวไปจากบ้านนี้ซะ ฉันไม่มีวันยอมเลี้ยงงูพิษไว้ในบ้านอีกหรอก”
“ตกลงคุณแม่จะเอาแบบนี้ใช่ไหมคะ”
“กะ…แกจะทำอะไร”
สารินกรีดยิ้มหวาน กุมมือผู้เป็นแม่เลี้ยงขึ้นมาบีบเบาๆ “หนูอยู่แค่เพียงไม่นาน ได้ที่ใหม่แล้วหนูก็จะไป แต่ถ้าคุณแม่ยังรั้นไม่เข้าเรื่อง อะไรๆ ที่คุณแม่พยายามปิดไว้ก็เห็นจะปิดไม่มิดหรอกนะคะ”
“แกคิดจะขู่อะไรฉันอีก”
“คุณแม่จะให้หนูสาธยายให้ผู้คนในงานฟังเหรอคะ” สารินเหลือบมองผู้คนในงานที่ต่างเมียงมองด้วยความใคร่รู้ “คุณแม่อยากให้หนูพูดเรื่องไหนก่อนดีคะ เรื่องชายชู้ของคุณแม่ เรื่องคุณพ่อหลอกคุณแม่ว่าพี่แม่บ้านเป็นญาติ ทั้งที่เป็นเมียเก็บของคุณพ่อ หรือว่าจะเอาเรื่องที่พี่มุกตาร์ท้องไม่มีพ่อดีคะคุณแม่”
“แก…นัง…นังงูพิษ…ฉันไม่น่าหลงเก็บแกมาเลี้ยงเลย” พอเห็นรานีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจนเป็นที่พอใจแล้ว สารินก็ชักเข้าประเด็นทันที
“เอาล่ะค่ะ ไหนๆ หนูก็กลับมาแล้ว เรื่องงานแต่งงานของพี่มุกตาร์ คุณแม่สบายใจได้ค่ะ พี่มุกตาร์ได้แต่งงานมีสามีสมใจคุณแม่แน่นอน”
รานีหรี่ตามองลูกเลี้ยงอย่างหวาดระแวง มันเคยร้ายกาจอย่างไร ออกจากคุกกลับยิ่งร้ายกาจกว่าเดิม รานีส่งมันเข้าคุก มีหรือมันจะไม่รอวันเอาคืน ที่จริงรานีอยากขับไล่มันไปให้พ้นตา แต่อีกใจก็ค้านว่าเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวดีกว่า หากมันแว้งกัดก็จะได้ตีให้ตายไปเลย ไม่ใช่ปล่อยให้มันล้างแค้นแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปเฉยๆ
“ถ้าแกอยากอยู่บ้านนี้ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าจะมาอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ฉันสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ”
“ค่ะคุณแม่ หนูจะปัดกวาดเช็ดถูให้เกลี้ยง เหมือนไม่เคยมีอะไรวางอยู่เลยค่ะคุณแม่!”