จิรปริยาผงะ สมองชาวาบคล้ายถูกนาบด้วยน้ำแข็งก้อนใหญ่ มึนงงสับสนจนคิดอะไรไม่ออก ผิดกับก้อนเนื้อในอกซ้ายที่ขยันทำงานราวกับได้ค่าโอทีเพิ่มถึงได้เต้นถี่ยิบจนแผ่นอกสะท้อนขึ้นลงไม่หยุด ดวงตากลมโตเหม่อค้างจับจ้องวงหน้าสวยคม แวบแรกเธอเห็นเพียงภาพเบลอๆ เหมือนมองผ่านเลนส์กล้องที่หลุดโฟกัส ต้องใช้เวลารวบรวมสติพักหนึ่งกว่าจะเห็นชัดถึงทุกเส้นสายแห่งความสมบูรณ์แบบของอีกฝ่าย
ผู้ชาย…ที่บอกว่าเขาเป็น ‘สามี’ ของเธอ
“สา…มี?” เธอทวนคำช้าๆ สีหน้ายังว่างเปล่าเหมือนไม่เข้าใจความหมายของคำคำนั้น
“อื้อ สามี” ผู้เป็นสามีพยักหน้ารับ
“สามีที่หมายถึง…คนที่เป็น…คู่รัก…คู่ครอง…คู่ชีวิต คนที่เป็น…” จิรปริยากลอกตาไปมา ร่ายคำอธิบายความหมายของคำสั้นๆ ว่า ‘สามี’ ออกมายาวเหยียดกว่าที่พจนานุกรมบัญญัติ และดูจะยาวเกินความจำเป็นสำหรับคนฟัง หนุ่มหน้าสวยจึงผงกหัวอีกครั้ง
“อื้อใช่ สามี…หรือเรียกแบบบ้านๆ ว่าผัวนั่นแหละ”
เป็นอีกครั้งที่เธอผงะ ใบหน้าขาวซีดสลับแดงจนน่าตกใจ สองมือผลักผู้ชายแปลกหน้าที่ไร้ตัวตนในความทรงจำแต่กลับดำรงอยู่ในตำแหน่งสำคัญด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล และเพราะไม่ทันตั้งตัว…คนที่ยืนอยู่ข้างเตียงจึงเซถอยหลังไปหลายก้าว
“ล้อเล่นแบบนี้ไม่ขำนะ!” หญิงสาวขมวดคิ้ว สูดลมหายใจแรง ยกมือขึ้นกอดอกจ้องหน้าเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
คนถูกผลักเพียงยกมือขึ้นกอดอก จ้องเธอกลับด้วยสีหน้าจริงจังบ้าง
“แล้วใครบอกว่าผมล้อเล่น เรื่องแบบนี้ใครจะล้อเล่นกัน”
ความจริงจังซึ่งอาบไล้บนใบหน้าและดวงตาอีกฝ่ายทำให้จิรปริยาใจสั่น ความกลัวแล่นปลาบเข้ามาเกาะกุมหัวใจซึ่งยังคงเต้นกระหน่ำไม่ผ่อนจังหวะลง ขณะไม่ทันได้ตั้งตัว กลับเป็นเขาบ้างที่พุ่งเข้ามาคว้ามือซ้ายซึ่งถูกถอดสายน้ำเกลือออกไปแล้วขึ้นไปอยู่ในระดับสายตา ปลายนิ้วเรียวยาวเย็นนิดๆ ไล้เครื่องประดับที่เธอไม่ทันสังเกตเห็น…และมั่นใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อนบนนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง
“นี่ไงหลักฐาน…แหวนแต่งงานของเรา”
“ไม่! ไม่จริง! คุณโกหก!”
ไม่มีทางที่ผู้หญิงโสดวัยยี่สิบสองปีอย่างเธอ…จะมีสามีได้เพียงชั่วข้ามคืน ระหว่างที่เธอเริ่มดิ้นรนโวยวายใส่หาว่าเขาโกหกประตูห้องพักฟื้นก็ถูกเปิดเข้ามา ร่างเล็กวิ่งมาหยุดตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ตอนแรกจิรปริยาไม่เห็นเด็กคนนั้น ไม่รับรู้การมาถึง จนกระทั่งเสียงตื่นตระหนกดังขึ้น
“หม่ามี้เป็นอะไรครับ!”
เท่านั้นแหละ จิรปริยาก็หันขวับไปมองต้นเสียง กวาดมองเครื่องหน้าละเอียดอ่อนของเด็กชายตัวน้อยที่หากเขาไม่ลงท้ายคำพูดว่า ‘ครับ’ และมีผมสั้น ด้วยใบหน้าหวานๆ กับดวงตากลมโตสีดำสนิทนั่นเธอคงเผลอนึกไปว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิง
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ริมฝีปากสั่นระริก เอ่ยถามเสียงพร่า
“เมื่อกี้…น้องพูดว่าไงนะ”
เด็กชายกะพริบตาปริบ ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยความสับสนหันไปมองผู้ชายที่ชื่อไทม์ ก่อนตอบเธอด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“กันและกันถามว่า…หม่ามี้เป็นอะไรครับ”
อีกครั้งแล้วที่สมองเธอไม่ทำงาน ทั่วทั้งร่างชาวาบ หญิงสาวผู้มั่นใจว่าใช้ภาษาแม่ได้ดีมากมาตลอดถึงกับต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะประมวลผลได้ว่าคำว่า ‘หม่ามี้’ นั้น มีความหมายเดียวกับคำว่า ‘แม่’
จิรปริยามองเด็กชายหน้าหวานสลับกับผู้ชายหน้าสวย คนหนึ่งบอกว่าเป็น ‘สามี’ ขณะที่อีกคนเรียกเธอว่า ‘หม่ามี้’
ดวงตากลมโตกะพริบถี่ เลือดในกายแล่นพล่านจนได้ยินเสียงชีพจรเต้นดัง ‘ตุบๆ’ ด้วยจังหวะถี่รัว เธอสูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยเสียงพร่า
“เอิ่ม…โอเค…นี่สรุปว่าตอนนี้ฉัน…มีทั้งสามีแล้วก็ลูก…เลยเหรอเนี่ย”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 ก.พ. 65 เวลา 12.00 น.