ถึงจะเป็นไปได้ที่คนรักศักดิ์ศรียิ่งชีพอย่างเธอจะรักหน้าตาไม่ยอมหย่าร้าง ทว่าท้ายที่สุดเธอก็มั่นใจว่าเธอรักตัวเองมากกว่าจะยอมทนอยู่อย่างไม่มีความสุข และหากพิจารณาอย่างไม่อคติก็ต้องยอมรับเลยว่านับตั้งแต่เธอตื่นมาในร่างวัยสามสิบสี่ปี นับนิรันดร์ก็ดูแลเธออย่างดีทุกอย่าง ดูไม่เหมือนคนที่จำใจแต่งงานอยู่กินกันมา
ดังนั้นพอคิดถึงเรื่องท้องก่อนแต่งขึ้นมาอีกที…หญิงสาวก็รู้สึกค้านๆ ในใจจนเผลอพึมพำออกมา
“ไม่อะ ไม่น่าใช่”
กันตกาลเพิ่งจะเจ็ดขวบ เธอแต่งงานตั้งเกือบสามปีกว่าจะคลอดลูกชายคนนี้ออกมา เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเก็บลูกไว้ในท้องได้นานขนาดนั้น
หญิงสาวพรูลมหายใจ เริ่มสบายใจมากขึ้น ทว่าครู่ต่อมาก็ต้องนิ่วหน้าอีกรอบ
แล้ว…ถ้าสมมติว่ากันและกันไม่ใช่ลูกคนแรกของพวกเธอล่ะ ถ้าหากก่อนหน้าลูกคนนี้…เธอ…แท้งไป?
เมื่อยิ่งคิดยิ่งสับสนกับสมมติฐานที่ตีกันในหัว จิรปริยาจึงสั่งตัวเองให้เลิกคิดเรื่องที่มันผ่านมาแล้ว และอยู่กับปัญหาในปัจจุบัน
ดวงตากลมโตเพ่งมองเตียงหลังใหญ่ที่ปูทับด้วยชุดเครื่องนอนสีหวานหนานุ่มดูอุ่นสบาย
จะนอนกันยังไงล่ะคืนนี้
ร่างในชุดนอนเสื้อเชิ้ตสีขาวยาวเคลียเข่ายืนทิ้งน้ำหนักลงขาข้างซ้าย สองมือกอดหมอนใบโตขณะยืนเคว้งอยู่กลางห้อง สิ่งหนึ่งที่ทำให้จิรปริยาดีใจมากคือการที่มีลูกหนึ่งคนสามีหนึ่งคนไม่ได้ทำให้เธอในวัยสามสิบสี่เปลี่ยนไปใส่ชุดนอนลูกไม้ชวนสยองพวกนั้น ไม่งั้นเธอได้ผูกคอตายด้วยสายสปาเกตตี้ของมันแน่ๆ
เอาไงดี…
จิรปริยากัดปาก หัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันเหมือนทุกครั้งที่ต้องใช้ความคิด มือที่กอดหมอนใบโตเผลอบีบรัดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ถ้าเป็นพวกนางเอกนิยายหรือละครที่ต้องมาอยู่ร่วมห้องกับผู้ชายแปลกหน้า พวกหล่อนก็คงจะต้องดีดดิ้นจะเป็นจะตาย ไม่ไล่พระเอกไปนอนโซฟาก็ต้องหาหมอนมากองเป็นตั้งแบ่งเขตแดนบนเตียงกัน ซึ่งจิรปริยาไม่อยากทำแบบนั้น
หนึ่งคือนี่ไม่ใช่นิยายหรือละครหลังข่าว เขาไม่ใช่พระเอก ส่วนเธอก็ไม่ใช่นางเอก และสอง…มันดู…งี่เง่าไปนิดนะ ถ้ามองในมุมนับนิรันดร์ที่แต่งงานกับเธอมาร่วมสิบปี เขา (น่าจะ) นอนในห้องนี้มาตลอด จนกระทั่งเมียเกิดความจำเสื่อม แล้วจะให้เธอง่องแง่งไล่เขาไปนอนที่อื่นมันก็…ไม่โอมะ
แต่ความเข้าใจก็ส่วนเข้าใจ และถึงแม้เธอจะตั้งใจสวมรอยเป็นตัวเองในวัยสามสิบสี่ที่บังเอิญความจำเสื่อมจนจำอะไรไม่ได้ ทว่าอย่างไรข้างในก็ยังเป็นเธอ…จิรปริยาสาวใสวัยยี่สิบสองผู้ถือครองพรหมจรรย์ที่กระทั่งจับมือกับเพื่อนต่างเพศยังเกิดแบบนับครั้งได้ ดังนั้นอย่าว่าแต่นอนร่วมเตียงกับ ‘สามี’ ซึ่งเธอไร้ความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย แค่อาศัยร่วมห้องเดียวกันโดยไม่ให้อึดอัดยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้หรือเปล่า!…แน่นอนว่าการร่วมห้องดังกล่าวหญิงสาวไม่ได้นับตอนอยู่โรงพยาบาล เพราะช่วงนั้นนอกจากจะมีกันตกาลอยู่ด้วยและมีพยาบาลเดินเข้าออกแล้ว สภาพอารมณ์ของเธอซึ่งยังทำใจยอมรับความจริงไม่ได้นั้นยังพยายามที่จะ ‘นอน’ ตลอดเวลาด้วยความหวังว่าจะกลับไปตื่นในโลกใบเดิมที่คุ้นเคย
ไปนอนกับกันและกันดีกว่า!