“อื้อ คุย เรื่องของเราไง เผื่อแดอยากรู้ อยากถามอะไรที่แดลืมไป…เรื่องตลอดสิบกว่าปีมานี้”
“อ๋อ อืม…ก็ดี” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็เงียบไปอย่างไม่รู้จะเริ่มถามอะไร
“งั้นเรื่องแรกเลยนะ” ชายหนุ่มที่รู้นิสัยภรรยาเป็นอย่างดีเอ่ยขึ้น เขารู้ว่าถ้ารอให้เธอเปิดปาก คืนนี้คงมีเพียงความเงียบกับเสียงถอนหายใจและเสียงพลิกตัวจนกว่าจะหลับกันไปจริงๆ “พี่ไทม์”
“ฮะ?” ความสงสัยทำให้จิรปริยาพลิกตัวหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ เลยได้เห็น…ว่าเขาเองก็นอนหันหน้ามามองเธออยู่เช่นกัน แม้ในห้องจะมีเพียงแสงสลัวทว่าดวงตาซึ่งเริ่มชินกับความมืดก็ยังมองเห็นริมฝีปากบางขยับยิ้ม หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ ข่มหัวใจที่เต้นระรัว “คุณเรียกชื่อตัวเองทำไม”
“ผมไม่ได้เรียกชื่อตัวเอง” นับนิรันดร์หัวเราะเบาๆ อธิบายคำพูดของตัวเองให้ชัดเจนมากขึ้น “แดต่างหาก แดเรียกผมว่าพี่ไทม์”
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน ตั้งแต่ก่อนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเริ่มต้นขึ้น เธอซึ่งเริ่มรู้จักเขาผ่านสื่อต่างๆ เคยเรียกเขาแบบนั้น
“ผมอายุมากกว่าแดอยู่หลายปี แดเลยเรียกผมว่าพี่ไทม์”
“พี่ไทม์” หญิงสาวเอ่ยทวน แม้จะรู้สึกแปลกๆ คล้ายจะ…เขินนิดหน่อย แต่เหตุผลที่เขาให้ประกอบกับนิสัยส่วนตัวที่มักจะเรียกคนอายุมากกว่าว่า ‘พี่’ จิรปริยาเลยไม่เห็นความจำเป็นต้องคัดค้าน เธอพยักหน้า “อ่าฮะ โอเค ฉันเรียกคุณว่าพี่ไทม์ งั้นเดี๋ยว…กลับไปเรียก…พี่…ไทม์เหมือนเดิมก็ได้”
แม้จะสะดุดตะกุกตะกักไปบ้าง ทว่าสุดท้ายเธอก็ยังคงเรียกชื่อเขาออกมาด้วยน้ำเสียงเก้อเขิน หากจิรปริยาจะยอมสบตากัน…บางทีเธออาจจะมองเห็นประกายความสุขในดวงตาสีอำพัน นับนิรันดร์ยิ้มกว้าง น้ำเสียงก็ฟังดูสดชื่นขึ้น
“ไม่ใช่แค่พี่ไทม์ แดยังแทนตัวเองว่า ‘แด’ ด้วย” สามีที่ไม่ได้สูญเสียความทรงจำบอกต่อ นั่นทำให้หญิงสาวเผลอทำสีหน้าแปลกๆ ออกมา
“ฮะ? แทนตัวเองว่าแดเนี่ยนะ?” เธอส่ายหน้า แค่คิดตามก็รู้สึกจักจี้แปลกๆ แล้ว “แต่ฉัน…เอ้อ นั่นแหละ ไม่เคยแทนตัวด้วยชื่อกับใครเลยนะ”
กับพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เธอก็แทนตัวเองว่า ‘หนู’ จนเคยชิน ส่วนกับเพื่อนฝูงนี่ค่อนข้างหลากหลาย สมัยเฮ้วจัดๆ ช่วง ม.ต้น ถึงขั้นเคยใช้สรรพนาม ‘ข้า’ ‘เอ็ง’ หรือ ‘กู’ ‘มึง’ คุยกันเลยด้วยซ้ำ
ยังดีว่าพอโตขึ้นเริ่มคุยกันสุภาพขึ้นหน่อย อย่างสรรพนามล่าสุดที่ใช้กันก็เป็น ‘ฉัน’ กับ ‘แก’