บทที่ 2 โปรดเรียกฉันว่าคนขับเหมียว
เหมียวเหมี่ยวเอาข้อมูลส่วนตัวกับเอกสารให้สวี่หลิงอวิ๋น ขอให้เธอช่วยไปจัดการทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ให้ตามความตั้งใจของอีหยางไหลฟู่…ครอบครัวของเขาขายรถ แค่เลือกรถใหม่ให้เหมียวเหมี่ยวคันหนึ่งเท่านั้นเอง แม้แต่ทะเบียนรถเขาก็เลือกไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ให้สวี่หลิงอวิ๋นช่วยขับรถไปที่ใต้อพาร์ตเมนต์เท่านั้น จนถึงตอนนี้เหมียวเหมี่ยวก็ยังรู้สึกพิศวงงงงวย ไม่อาจรับความจริงได้
“เธอ…ขับมาเลยเหรอ”
เหมียวเหมี่ยวรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
“ใช่สิ วางใจเถอะน่า มีคนขับเฟอร์รารี่คันนั้นไปแล้ว เธอขับโฟล์กสวาเกนให้สบายใจเถอะนะ เฮ้อ…ไหนเธอลองพูดมาซิ นี่ไม่ได้เศษราคาเดิมของเฟอร์รารี่เลยนะ คุ้มแล้วเหรอ” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหน้าด้วยความเสียดาย
หลังส่งสวี่หลิงอวิ๋นกลับไป เหมียวเหมี่ยวดูนาฬิกาก็เป็นเวลามื้อเที่ยงแล้ว เธออยู่ข้างล่างพอดีก็เลยจอดรถไว้ที่ลานจอดรถหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วเดินเข้าร้านไป
“อ๊ะ เหมียวเหมี่ยว เธอซื้อรถเหรอ” พอเหมียวเหมี่ยวเข้าไปในร้านก็เจอหวงหรูหรูพนักงานพาร์ตไทม์ถามเธอด้วยความสงสัย
เหมียวเหมี่ยวหาที่นั่งมุมร้านที่เธอนั่งเป็นประจำ ฟุบหน้าลงบนโต๊ะแล้วโบกมือ “อย่าพูดถึงมันเลย วุ่นวายใจเปล่าๆ”
“เป็นอะไรไปล่ะ” หวงหรูหรูนั่งลงตรงที่นั่งตรงข้ามเหมียวเหมี่ยว ถามด้วยความประหลาดใจ
เหมียวเหมี่ยวโบกมือให้ “ไปทำงานของเธอเร็วๆ เข้าเถอะ อย่ามาเม้าท์มอยอยู่ตรงนี้เลย”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าเยอะที่สุด ธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวนี้ขายดิบขายดี บริเวณร้านไม่ใหญ่นัก ทั้งร้านมีพนักงานอยู่สามคน หนึ่งในนั้นคือหวงหรูหรูพนักงานพาร์ตไทม์ที่ยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยละแวกนี้ รับผิดชอบจุดรับเงิน เจ้าของร้านเองก็ทำหน้าที่เป็นพ่อครัวในตัว เด็กฝึกงานต้องช่วยงานคนอื่นๆ แล้วก็ต้องล้างชาม ทำความสะอาดร้าน ยุ่งเสียจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ เหมียวเหมี่ยวไม่อยากให้หวงหรูหรูเม้าท์จนรบกวนการทำงาน
“ได้ๆๆ เดี๋ยวกินข้าวแล้วอย่าเพิ่งไปก็แล้วกัน อยู่เล่าให้พวกเราฟังก่อนนะ ซื้อรถเป็นเรื่องดี ทำไมถึงวุ่นวายใจได้ล่ะ” หวงหรูหรูกำชับ แล้วรีบร้อนหันกลับไปเอาตัวเข้าสู่การต่อสู้
จู่ๆ เหมียวเหมี่ยวก็คิดอะไรขึ้นได้ ทำท่ามือเอ่อร์คังอยากดึงตัวเธอเอาไว้ “อ๊ะ ฉันยังไม่ได้สั่งเลยนะ…” ถึงตอนนั้นก็สายไปเสียแล้ว หวงหรูหรูเดินไปจดเมนูที่โต๊ะของลูกค้าคนอื่นแล้ว
“รับอะไรดีครับ” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นเหนือศีรษะของเหมียวเหมี่ยว
เหมียวเหมี่ยวเงยหน้าขึ้น สายตาของเธอก็ถูกดวงตาดำขลับราวน้ำหมึกของอีกฝ่ายดึงดูดไป เธอถอนหายใจ ฟุบอยู่บนโต๊ะ “เหมือนเดิมแล้วกันค่ะเถ้าแก่”
หานต้งหยิบสมุดเล่มเล็กแล้วจดลงไป “หมาล่าไก่ฉีกราดข้าว เผ็ดเว่อร์ๆ เพิ่มไก่ด้วยใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ”
หานต้งพยักหน้า กำลังจะกลับไปห้องครัวแต่ก็ถูกเหมียวเหมี่ยวเรียกตัวไว้ “เอ่อ เถ้าแก่คะ”
หานต้งหันกลับมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขมวดคิ้วใส่เธอเล็กน้อย ทว่าเหมียวเหมี่ยวมองออกว่าเขาสงสัย เหมียวเหมี่ยวเกาใบหน้าด้วยความรู้สึกผิด “คือว่าคราวก่อนที่ปิดร้านไปวันนึง เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรครับ” หานต้งส่ายหน้า