พูดไม่ทันขาดคำ เหมียวเหมี่ยวก็รู้สึกถึงแรงจากฝ่ามือที่กุมไหล่ขวาของเธอไว้กะทันหัน เหมียวเหมี่ยวชิดเข้าไปใกล้อีกฝ่ายด้วยความตื่นตะลึง หันกลับมาก็เห็นฟางไหลหยางมองไปที่กล้องตรงหน้าด้วยความเอาจริงเอาจัง ใช้มือโอบไหล่ของเหมียวเหมี่ยวเอาไว้อย่างแน่นหนา
เหมียวเหมี่ยวยังไม่ทันได้ถามอะไร ฟางไหลหยางก็ห่อปากเล็กพลางเอ่ยกับเธอเสียงเบา “มองกล้องสิครับ”
“คะ?” เหมียวเหมี่ยวเบิกตาโพลง พอหันไปก็โบกมืออยากตะโกนให้เสี่ยวเจิ้งหยุด
“โอเคครับ!” เสี่ยวเจิ้งตะโกนเสียงแหลม มือข้างหนึ่งยกนิ้วโป้งขึ้นมา “สีหน้าโคตรจะเป็นธรรมชาติเลย!”
เป็นธรรมชาติกับผีน่ะสิ
เหมียวเหมี่ยวรับมือถือกลับมา มองรูปในมือถืออย่างหมดคำพูด ในรูปปรากฏภาพชายหนุ่มสูงใหญ่ผู้หล่อเหลาสุขุมเยือกเย็น ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย คลายบุคลิกเยือกเย็นของเขาลง มือซ้ายของเขาโอบหญิงสาวตัวเล็กที่มัดผมทรงดังโกะเอาไว้ เธอใบหน้ากลมบ๊อก ถลึงดวงตากลมโต ริมฝีปากเผยอเป็นรูปตัว ‘O’ ไหล่ห่อ ยกมือทั้งสองข้างกางนิ้วทั้งห้าบริเวณหน้าอกคล้ายกำลังหยุดยั้งอะไรบางอย่าง ด้านหลังของพวกเขามีเมืองอันเจริญรุ่งเรืองซึ่งอยู่ไกลออกไปเป็นพื้นหลัง
ช่างเป็นการถ่ายรูปคู่ที่สนุกสนานและเป็นธรรมชาติ
แต่ว่าเหมียวเหมี่ยวอยากลบทิ้งไปเอามากๆ เลย
“ส่งให้ผมหน่อย” ฟางไหลหยางเอ่ยอยู่ข้างๆ หยุดยั้งความคิดในใจของเหมียวเหมี่ยวเอาไว้ได้ทันเวลา
ในเมื่ออีกฝ่ายขอร้องมาอย่างนั้น จะให้เธอปฏิเสธก็ไม่ได้ ก็เลยแอดวีแชตกันไว้อย่างจนใจ แล้วส่งรูปให้ฟางไหลหยาง
ฟางไหลหยางหยิบมือถือขึ้นมาชื่นชม ทั้งยังเอ่ยชมด้วยว่า “ถ่ายได้ไม่เลวเลยนี่นา”
เสี่ยวเจิ้งถูกเจ้านายชมก็อารมณ์ดีจนแทบจะบินได้ ตบไหล่ของเหมียวเหมี่ยวด้วยความเบิกบานใจ ยิ้มพลางเอ่ย “คุณเหมียวเหมี่ยว คุณนี่เป็นดาวนำโชคของผมจริงๆ!” มีหวังได้ขึ้นเงินเดือนแล้วล่ะสิ!
เหมียวเหมี่ยว “???”
ต่อมาทุกคนก็เริ่มปิ้งบาร์บีคิวและพูดคุยกันอย่างคึกคัก เหมียวเหมี่ยวจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทั้งยังขัดเขินเกินกว่าจะพูดจากับฟางไหลหยาง ฟางไหลหยางสังเกตได้ว่าเหมียวเหมี่ยวไม่มีชีวิตชีวา ก็ยกมุมปากขึ้น ไม่ได้พูดอะไร
กินข้าวกันเสร็จแล้วทุกคนก็พักผ่อนกันสักครู่ ส่วนหนึ่งเริ่มปีนไปยังยอดเขา เหมียวเหมี่ยวไม่กล้าประเมินแรงกายของตัวเองไว้สูงนัก อีกทั้งอยู่ในอารมณ์ซับซ้อน รู้สึกว่าตัวเองใช้เรี่ยวแรงทั้งร่างกายจนแทบจะหมดอยู่แล้ว
ฟางไหลหยางเห็นเธอซึมกระทือก็ถามด้วยความห่วงใย “เรากลับกันเถอะ”
“คะ? แต่ว่า…เพื่อนๆ ของคุณยังไม่กลับมาเลยนะ” เหมียวเหมี่ยวเงยหน้า ตาเบิกกว้างพลางเอ่ยถาม
ฟางไหลหยางเห็นเธอจงใจทำทีว่าร่าเริงก็ทั้งรู้สึกจนใจและอยากหัวเราะออกมา เขาแค่อยากแสดงความเลื่อมใสให้ไอดอลของเขาเห็นก็เท่านั้น แต่ดูเหมือนจะพังไม่เป็นท่า ตอนนี้ท่าทางของเหมียวเหมี่ยวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าได้รับการจู่โจมอย่างรุนแรงจนเซื่องซึมไปแล้ว
ฟางไหลหยางยักไหล่ “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ผมบอกเฉินตั๋วก็พอแล้ว ผมค่อนข้างเหนื่อยน่ะ พวกเรากลับกันก่อนเถอะนะครับ”
เหนื่อยเหรอ
เหมียวเหมี่ยวประเมินฟางไหลหยาง แผ่นหลังอีกฝ่ายตรงเป๊ะ ใบหน้าท่าทีกระฉับกระเฉง ไม่เหมือนคนเหนื่อยเลยสักนิด กลับเป็นเธอที่ตอนนี้สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้วครึ่งหนึ่งถึงจะถูก
แต่กลับก่อนก็ดีเหมือนกัน เหมียวเหมี่ยวยันตัวลุกขึ้นยืน ตบด้านหลังเอวของตัวเองแล้วยืดตัวบิดขี้เกียจ
“เอาล่ะค่ะ พวกเรากลับกันเถอะ”
อาหารถุงโตของเหมียวเหมี่ยวถูกแบ่งสันปันส่วนไปเมื่อช่วงกลางวันแล้ว เพราะอย่างนั้นขากลับเหมียวเหมี่ยวก็เลยเป็นคนสะพายเป้เอง เริ่มรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทีละน้อย ค่อยๆ อารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
จนกระทั่งเดินมาถึงที่จอดรถ เธอถึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตชีวาอีกครั้ง