บทนำ
รถม้าหรูหราสีน้ำเงินครามคันหนึ่งแล่นไปตามถนนที่ตัดผ่านป่าที่ขนาบด้วยไม้ใหญ่สองฝั่ง มีองครักษ์ตามคุ้มกันทั้งหมดสามสิบคน ดูยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ ใครพบเห็นก็ต้องรู้ว่าคนที่อยู่บนรถเป็นบุคคลสำคัญยิ่ง
บุรุษที่นั่งบนรถไม่ใช่คนทั่วไปจริงๆ เขามีใบหน้าหล่อเหลางดงามอย่างหาตัวจับยาก ดูเย่อหยิ่งและร้ายกาจ สวมใส่อาภรณ์สีเงินหรูหรา มีเบาะขนแกะขนาดใหญ่รองนั่ง วางเท้าอยู่บนพรมนุ่มที่ถักทออย่างงดงาม ท่าทางเอกเขนกสบายอารมณ์ เขาผู้นี้คืออ๋องลำดับสิบซึ่งเป็นลำดับสุดท้อง หลิ่นอ๋องลิ่นจื่อเชิน นอกจากนั้นยังเป็นดาวอสูรผู้โด่งดังที่ใครได้ยินชื่อเป็นต้องหน้าซีด
ต้องร้ายกาจเท่าใดกันนะ ถึงจะถูกเรียกว่าดาวอสูร?
ลิ่นจื่อเชินได้รับใบหน้างดงามมาจากมารดา เปลือกกายทรงเสน่ห์ชวนลุ่มหลงนั่นมักจะทำให้พวกสตรีหลงรักเขาอย่างหน้ามืดตามัวราวกับโดนมนตร์ดำ แม้แต่สนมที่จักรพรรดิเพิ่งจะรับเข้ามาใหม่ก็เคยหลงเขามาแล้ว สุดท้ายเลยถูกส่งตัวไปอยู่ตำหนักเย็น แต่เขาผู้เป็นตัวต้นเรื่องกลับไม่เดือดร้อน ยังคงเข้าออกวังหลวงอย่างอิสระ กล่าวกันว่าแม้แต่จักรพรรดิก็โดนเขาร่ายมนตร์ดำใส่เช่นกัน ถึงได้ยอมให้เขาทำตัวเหิมเกริมมาหว่านเสน่ห์ใส่สนมตนเอง ลิ่นจื่อเชินเป็นพี่น้องร่วมอุทรกับจักรพรรดิ ดังนั้นย่อมเป็นที่โปรดปรานและไว้เนื้อเชื่อใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้จักรพรรดิยังเอาใจใส่ให้ความสำคัญกับเรื่องคู่ครองของน้องชายผู้นี้อย่างมาก เมื่อสองปีก่อนจักรพรรดิมีดำริจะให้เขาแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางผู้ใหญ่ เหล่าขุนนางที่มีลูกสาวในวัยเหมาะจะออกเรือนต่างพากันมาคุกเข่าเบื้องพระพักตร์ อ้างเหตุผลต่างๆ นานาว่าบุตรสาวตนเองไม่คู่ควร จักรพรรดิฟังแล้วสะบัดแขนเสื้อลุกเดินออกไปอย่างกริ้วจัด เรื่องแต่งงานเลยค้างเติ่งอยู่แค่นั้น แต่พอข่าวแพร่มาในหมู่สามัญชนกลับกลายเป็นประเด็นครึกโครม ทุกคนต่างพากันอัศจรรย์ใจว่าบุรุษผู้มีความงามเป็นเลิศอย่างลิ่นจื่อเชินกลับไม่มีใครกล้ายกลูกสาวให้แต่งงานด้วย
ตัวลิ่นจื่อเชินเองก็ไม่ประสงค์จะแต่งงาน ที่ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่ชอบสตรี ตั้งแต่เล็กจนโต สตรีเห็นเขาทีไรเป็นต้องปรี่เข้าใส่เหมือนผึ้งเห็นน้ำหวาน แม้แต่นางกำนัลที่คอยรับใช้ยังกำเริบเสิบสานริอ่านปีนขึ้นเตียงเขา ทำเอาเขารังเกียจขยะแขยงเป็นที่สุด ลือกันว่าเขาเคยสั่งให้ลากสตรีที่ขึ้นมานอนเปลือยกายรออยู่บนเตียงออกไปโบย อีกทั้งยังโบยรุนแรงจนถึงขั้นพิการ นอกจากนั้นยังลือกันอีกว่าแม้แต่บุรุษยังพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของเขา ส่งตาหวานมาให้ตอนที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร ผลคือ…สุดท้ายคนผู้นั้นก็กลายไปเป็นขันที
นอกจากลิ่นจื่อเชินจะไม่ชอบเป็นชิ้นเนื้อมันย่องที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาหื่นกระหายแล้ว เขายังไม่ชอบให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์รูปลักษณ์ที่งดงามเกินไปของตนเอง
เคยมีบุตรชายขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งตั้งข้อสังเกตหลังสุราเข้าปากว่าเขางามจนเย้ายวนราวกับปีศาจ อาจนำหายนะมาสู่ปวงชนได้ เลยโดนลิ่นจื่อเชินสั่งสอนด้วยการจับไปแขวนห้อยหัวไว้กับประตูเมืองทั้งคืน ขุนนางผู้นั้นต้องไปอ้อนวอนจักรพรรดิถึงจะพาลูกชายลงมาได้ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าว่าร้ายรูปร่างหน้าตาของเขาอีกเลย
เวลานี้ทุกคนต่างรู้กันว่าลิ่นจื่อเชินเป็นคนโปรดของจักรพรรดิ สามารถวางอำนาจบาตรใหญ่ชี้เป็นชี้ตาย จึงไม่มีใครกล้าทำให้เขาโกรธเคือง
แน่นอนว่าที่จักรพรรดิโปรดปรานเขาเป็นพิเศษไม่ใช่เพียงเพราะเป็นน้องชายร่วมบิดามารดรเท่านั้น ตอนที่ลิ่นจื่อเชินเพิ่งเกิด โหรหลวงทำนายว่าเขาจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการช่วยเหลือจักรพรรดิซึ่งในขณะนั้นยังดำรงศักดิ์เป็นรัชทายาท ต่อไปจะคอยปัดป้องภัยร้ายให้ และลิ่นจื่อเชินก็เคยได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยจักรพรรดิมาแล้วจริงๆ จึงไม่แปลกที่จักรพรรดิจะให้ความสำคัญถึงเพียงนี้ เรียกว่าสถานะของเขาในพระทัยจักรพรรดิมั่นคงไม่สั่นคลอน
“ท่านอ๋อง จะเสวยอีกสักจอกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เซียวหลงที่รับใช้เขามานานถามพลางโบกพัดให้ รถม้าโอ่อ่าคันนี้มีทุกอย่างพร้อมสรรพ แค่ดึงลิ้นชักอันใดอันหนึ่งก็จะเจอสุราเลิศรสและขนมนานาชนิดอยู่ข้างใน
หลิ่นอ๋องส่งจอกสุราไปให้ แล้วปฏิเสธอย่างเกียจคร้าน “ไม่ล่ะ หนทางยังอีกไกล ข้าจะงีบสักหน่อย” พูดจบก็ปิดตาลง
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าม้าเร็วรี่ก็ดังขึ้นข้างหลัง หนวกหูจนเขาต้องลืมตาขึ้น
หวังเจาหัวหน้าองครักษ์ส่งเสียงรายงานตรงข้างหน้าต่างทันที “ท่านอ๋อง มีคนขี่ม้าตามมาข้างหลัง…แม่นางเฮ่อเหลียนพ่ะย่ะค่ะ!”
ชื่อของเฮ่อเหลียนหรงทำให้ลิ่นจื่อเชินชักสีหน้ารำคาญใจ เขามาหลันโจวเพื่อตรวจสอบคดีความให้จักรพรรดิ แล้วได้เจอสตรีผู้นี้ที่อาสาตัวจะเป็นสายสืบให้ เขาตอบตกลงไปเพราะเห็นว่านางมีความสามารถ นึกไม่ถึงว่าหลังจากปิดคดีนางจะตามตื๊อเขาอย่างไม่ลดละ แสดงออกทั้งโจ่งแจ้งทั้งเป็นนัยว่าต้องการมอบกายให้ ขนาดตอนนี้เขาจากหลันโจวมาแล้วก็ยังไล่ตามมาอย่างไร้ยางอาย
“ท่านอ๋อง แม่นางเฮ่อเหลียนใกล้ตามทันแล้ว จะทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ” หวังเจาถาม
“ท่านอ๋องต้องการให้เร่งความเร็วหนีนางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เซียวหลงถามบ้าง
ลิ่นจื่อเชินมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย หากหนีจะมิเท่ากับเขากลัวสตรีผู้หนึ่งจนต้องหนีเปิดเปิงหรอกหรือ “หยุดรถ ไล่นางไป”
รถม้าหยุดลง สตรีบนหลังม้าไล่ตามทันอย่างรวดเร็วแล้วหยุดตรงข้างรถ