บนโต๊ะเล็กหน้าหลุมฝังศพมีข้าวผัด ปลาทอดกรอบ และไม้ตกแมว นี่เป็นสิ่งที่ซย่าหมิ่นเตรียมให้มีมี ตอนยังมีชีวิตอยู่มันกินอาหารรสจัดไม่ได้ ตายแล้วน่าจะไม่เป็นไรกระมัง
หลังไหว้ศพเสร็จนางก็กลับเข้าห้อง ลังกระดาษที่วางอยู่ตรงมุมห้องทำให้อดจะเศร้าเสียใจกว่าเดิมไม่ได้ เพราะนั่นเป็นรังที่นางทำให้มันนอน พอมองไปที่เตียงก็ยังเหมือนเห็นมันนั่งเลียขนอยู่บนนั้นอย่างสง่างาม แต่นับจากนี้ไป นางไม่มีวันได้เห็นภาพนี้อีก
แมวที่แสนรู้เช่นนั้น หาอย่างไรก็หาไม่เจออีกแล้ว ซย่าหมิ่นถอนหายใจ
“พี่ใหญ่ มีของสิ่งนี้อยู่ในห้องหนังสือของข้า ไม่รู้ว่าใครเขียนเอาไว้ ท่านดูสิ!” อยู่ๆ ซย่าจื้อก็พรวดพราดเข้ามาโดยไม่ให้ตั้งตัว แล้วส่งกระดาษที่เขียนอะไรบางอย่างมาให้นาง
ซย่าหมิ่นรับมาดู พอเห็นตัวหนังสือหวัดชุ่ยอยู่บนแผ่นกระดาษพร้อมด้วยขนและรอยอุ้งเท้าแมว ความตกตะลึงก็สะท้อนออกมาบนใบหน้านาง…นี่มันอะไรกัน!
เมืองเฉาหยางคึกคักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนเหมือนปกติ และมักจะเป็นจุดผ่านของขบวนรถม้าของพ่อค้ามากมาย หนึ่งในนั้นคือรถม้าสีน้ำเงินครามที่ตกแต่งอย่างหรูหราสะดุดตา รายล้อมด้วยองครักษ์บนหลังม้ากลุ่มใหญ่ที่คอยอารักขา รวมกันเป็นขบวนยาวเหยียด กล่าวได้ว่าอวดศักดาอย่างเต็มที่ ชาวบ้านร้านตลาดล้วนแต่มองตาค้างไปตามๆ กัน พ่อค้าร่ำรวยที่แวะเมืองนี้มีมากมาย แต่ยังไม่เคยเห็นขบวนใดยิ่งใหญ่อลังการถึงเพียงนี้ ทุกคนจึงพากันคาดเดาว่าน่าจะเป็นบุคคลสำคัญจากเมืองหลวง
“คงจะเป็นรถม้าของคุณชายสักตระกูลสินะ”
“ไม่ใช่ ข้าว่าน่าจะขุนนางใหญ่มากกว่า…”
“ข้ามองอย่างไรก็เหมือนเชื้อพระวงศ์ น่าจะเป็นอ๋องกระมัง!”
“โง่หรือ คนสูงส่งระดับอ๋องอยู่ๆ จะมาเมืองเฉาหยางนี่ด้วยเหตุใด…”
หนึ่งในนั้นเดาถูกเข้าจริงๆ เพราะบุคคลที่นั่งอยู่บนรถม้าคือหลิ่นอ๋องผู้สูงส่งที่ได้รับการไว้เนื้อเชื่อใจและความโปรดปรานจากจักรพรรดิมากที่สุด
ตอนที่ลิ่นจื่อเชินแหวกม่านมองออกไป รูปกายหล่อเหลางดงามดึงดูดสายตาทุกคนทันที เสียงฮือฮาดังแซ่ด หญิงสาวหลายคนหน้าแดงซ่านไปตามๆ กัน
“ท่านอ๋อง เมืองเฉาหยางแห่งนี้ดูดีทีเดียว กระหม่อมอยากพบแม่นางซย่าคนนั้นเหลือเกิน จะได้ขอบคุณนางที่ช่วยชีวิตพระองค์…”
ลิ่นจื่อเชินเอาม่านลง หันมามองเซียวหลงด้วยสายตาเฉียบขาดเยียบเย็น “บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ได้มาตอบแทนบุญคุณ”
“พ่ะย่ะค่ะๆ ท่านอ๋องไม่ได้เสด็จมาตอบแทนบุญคุณ แค่เสด็จมาพักฟื้นพระวรกาย…” คนสนิทเออออตาม ริมฝีปากยกมุมขึ้นอย่างผิดสังเกต
เขาพยายามกลั้นยิ้ม ท่านอ๋องใส่ใจแม่นางซย่าผู้นั้นแท้ๆ จึงได้มาหาถึงเมืองเฉาหยาง แต่กลับทำปากแข็งปฏิเสธ เห็นแล้วน่าสนุกจริงๆ เขาอยากเจอแม่นางผู้นั้นเหลือเกิน ท่านอ๋องของเขาขึ้นชื่อว่าเกลียดสตรี เขาจึงอยากรู้ว่านางมีดีอะไรถึงทำให้ท่านอ๋องติดใจถึงเพียงนี้
ส่วนท่านอ๋องรู้จักกับแม่นางซย่าได้อย่างไรนั้น เรื่องนี้ค่อนข้างจะอัศจรรย์พันลึกอยู่สักหน่อย
ความคิดของเซียวหลงย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนที่แล้วถึงคำสาปแช่งของหญิงนามเฮ่อเหลียนหรงระหว่างที่ท่านอ๋องเดินทางกลับเมืองหลวง หลังจากนั้นไม่นานรถม้าที่เขากับท่านอ๋องนั่งอยู่ก็เสียหลักตกหน้าผา
เขาโชคดีที่ฟื้นขึ้นมาได้ แต่ท่านอ๋องสลบไสลไม่ได้สติ หมอหลวงรักษาอย่างไรก็ไม่บังเกิดผล หมอสามัญชนยิ่งจนปัญญา จักรพรรดิจึงรับสั่งให้โหรหลวงที่คุ้นเคยกับดวงชะตาของท่านอ๋องมาช่วยทำนาย ถึงได้รู้ว่าวิญญาณของท่านอ๋องหลุดลอยออกจากร่าง พูดทำนองว่าโดนคำสาปสักอย่างจึงเรียกกลับมาไม่ได้ จักรพรรดิฟังแล้วกริ้วจัด โหรหลวงและคนอื่นๆ ลนลานทิ้งตัวลงคุกเข่าพลางหน้าซีดอยู่กับพื้น ไม่กล้าขยับตัว