14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน แมวบ้านข้าเป็นท่านอ๋อง
เรื่องนี้จักรพรรดิเพิ่งตรัสขึ้นหลังจากที่ท่านอ๋องฟื้นแล้ว ตัวท่านอ๋องเองก็เล่าความเป็นไปตั้งแต่ต้นจนจบว่าช่วงที่ผ่านมาดวงวิญญาณสิงอยู่ในแมว เมื่อแมวตายถึงได้กลับเข้าร่างตนเอง ตอนนั้นเซียวหลงฟังแล้วตาค้าง ยากจะเชื่อว่าท่านอ๋องของตนกลายเป็นแมวไปได้ โลกเรามีเรื่องประหลาดพิสดารอยู่มากมายจริงๆ แม่นางซย่าผู้นั้นรับเลี้ยงท่านอ๋องในร่างแมวจึงเท่ากับมีบุญคุณต่อท่านอ๋องของเขา
หลังจากได้กลับเข้าร่างท่านอ๋องนึกว่าตนหลุดพ้นจากคำสาปแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น คำสาปที่ไม่รู้ชื่อยังคอยรังควานเจ้าตัวไม่เว้นวาย ทำให้ทุกคืนเมื่อหลับแล้วดวงวิญญาณจะออกจากร่างไปสิงอยู่ในร่างเดรัจฉานอื่น ต่อเมื่อฟ้าสางถึงค่อยกลับเข้าร่างใหม่ ด้วยเหตุนี้ท่านอ๋องจึงนอนไม่ใคร่หลับ สีหน้าอิดโรยลงมาก จักรพรรดิกลัวว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป น้องชายจะมีอันตรายถึงชีวิต โหรหลวงก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่บอกว่าไม่เคยเห็นคำสาปร้ายกาจเช่นนี้มาก่อน เมื่อไม่เคยเห็นจึงไม่มีทางแก้ จักรพรรดิจึงสั่งให้หานักเวทสามัญชนที่มีอาคมแก่กล้ามาช่วยแก้คำสาปให้
สุดท้ายก็ไปพบคนผู้หนึ่งที่อ้างตัวเป็นศิษย์น้องของนักพรตหยาง บอกว่าใบหน้าของท่านอ๋องหมองคล้ำเพราะต้องมนตร์ดำที่สาบสูญไปนานแล้ว คำสาปร้ายแรงทำให้ดวงวิญญาณออกจากร่าง คนผู้นั้นแก้คำสาปให้ไม่ได้ แต่นักพรตหยางผู้เป็นศิษย์พี่อาจจะแก้ได้ เพียงแต่นักพรตหยางใช้ชีวิตถือสันโดษ ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด ต้องใช้เวลาสักพักจึงจะตามตัวเจอ
ท่านอ๋องไม่อยากรอนักพรตหยางด้วยความทรมาน จึงเดินทางออกจากเมืองหลวงมาหาแม่นางซย่าที่เมืองเฉาหยาง
สำหรับเซียวหลงแล้วการติดตามเจ้านายมาเมืองเฉาหยางเป็นเรื่องน่าสนุก เขาจะได้เห็นเสียทีว่าแม่นางซย่าที่ตนอยากเจอตัวมานานคนนั้นหน้าตาอย่างไร มีอะไรพิเศษตรงที่ใดถึงทำให้ท่านอ๋องติดใจได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็นึกกังวล ท่านอ๋องจากเมืองหลวงมาโดยไม่ทูลจักรพรรดิก่อน หากจักรพรรดิทรงทราบเข้า รับรองต้องกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟแน่…
“ท่านอ๋อง องค์จักรพรรดิยังไม่ทรงทราบว่าพระองค์เสด็จมาพักฟื้นพระวรกายที่นี่ หากทรงทราบว่าเสด็จออกจากเมืองหลวงเองโดยพลการ…” เซียวหลงเอ่ยขึ้นอย่างหวาดๆ
ลิ่นจื่อเชินปรายตามองคนสนิทแล้วแค่นเสียงขึ้นจมูก “ข้ายังไม่กลัว เจ้าจะกลัวไปไย ในเมื่อต้องใช้เวลาตามหานักพรตหยางคนนั้น ข้าก็จะรออยู่ในเมืองนี้แทน องค์จักรพรรดิจะต้องทรงตามหาข้าจนเจออยู่แล้ว รอให้ข้าหลุดพ้นจากคำสาปบ้าๆ นั่นเมื่อไร…” ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเหี้ยมเกรียม “ข้าจะลากศพหญิงที่ชื่อเฮ่อเหลียนหรงนั่นขึ้นจากหลุมมาโบยให้หนัก นางอยากให้ข้ากลายเป็นเดรัจฉาน ให้ลิ้มรสการถูกคนอื่นเหยียบย่ำว่าเป็นอย่างไร ข้าก็จะทำให้นางเป็นยิ่งกว่าเดรัจฉาน ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในไฟนรก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดไปตลอดกาล”
ลิ่นจื่อเชินต้องแค้นอยู่แล้ว แววตาเจ็บแค้นชิงชังและถ้อยคำที่เอ่ยออกมาดูอำมหิตจนขนหัวลุก
เซียวหลงเข้าใจดีกว่าใครเพื่อนว่าเจ้านายต้องทุกข์ทนเพียงไรที่ต้องคำสาป หนึ่งเดือนที่ผ่านมาท่านอ๋องต้องไปสิงอยู่ในร่างเดรัจฉานต่ำต้อยทุกคืน ทำให้นอนหลับไม่เต็มอิ่มติดต่อกันเป็นเวลานาน ดูท่าการมาพบแม่นางซย่าคนนี้จะเป็นการเยียวยาที่ดีที่สุดของท่านอ๋องกระมัง
เวลานั้นลิ่นจื่อเชินเลิกม่านขึ้นแล้วมองออกไปอีกครั้ง นัยน์ตาเฉยชาเป็นประกายขึ้นเมื่อเห็นร้านรวงและตรอกอันคุ้นเคย เพราะล้วนแต่เป็นที่ที่เขาเคยเดินผ่านมาก่อน เห็นแล้วใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ด้วยความคิดถึง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดถึงได้เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นในใจ และยิ่งไม่เข้าใจ…ว่าเหตุใดเขาถึงได้อยากกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง
บอกตนเองแล้วไม่ใช่หรือว่าใช้ชีวิตแมวตอบแทนไปแล้ว ต่อไปครอบครัวนั้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีก บอกตนเองแล้วไม่ใช่หรือว่าจะลบความทรงจำช่วงที่เป็นแมวไปจากสมอง เพราะนั่นเป็นช่วงชีวิตที่อัปยศที่สุด ในเมื่ออยากทำลายมันทิ้ง เหตุใดเขาถึงมาที่นี่ได้เล่า
มาตอบแทนบุญคุณอย่างที่เซียวหลงพูด…
หรือว่า…เขาห่วงใยครอบครัวนั้นจริงๆ
ไม่สิ หลิ่นอ๋องผู้สูงส่งอย่างเขาจะใส่ใจครอบครัวชาวบ้านธรรมดาได้อย่างไร เขามาเมืองเฉาหยางเพียงเพราะอยากดูว่าสตรีผู้นั้นจะต่อกรกับป้าตนเองอย่างไร ดูว่าเขาอุตส่าห์ทิ้งข้อความเตือนนางแล้ว นางจะยังเซ่อซ่าจนไม่รู้จักป้องกันตัวแล้วถูกคนต่ำช้าทำร้ายเข้าหรือไม่
ที่อยากรู้ยิ่งกว่านั้นคือสตรีที่ทั้งโอหังทั้งเหิมเกริมอย่างนางจะเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าอ๋องผู้ยิ่งใหญ่อย่างเขา เขาอยากเห็นนางแสดงท่าทางนอบน้อมต่อเขา แค่คิดภาพอารมณ์ก็เบิกบานขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงเท่านั้นจริงๆ
ความรู้สึกในใจซับซ้อนอธิบายยาก แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจนัก รู้เพียงอย่างเดียวว่าความอยากเจอซย่าหมิ่นเจือไว้ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด
“ให้เหล่าเฉินเลี้ยวขวาตรงทางแยกข้างหน้าแล้วตรงไป พอถึงร้านขายยาที่ชื่อร้านยาก่วงจี้ก็ค่อยเลี้ยวเข้าไปในตรอกขวามือ แล้วจอดตรงหน้าบ้านหลังแรก” ลิ่นจื่อเชินมีแผนที่ผืนหนึ่งอยู่ในสมอง สามารถบอกทางไปบ้านสกุลซย่าได้อย่างชำนาญ
สักพักหนึ่งรถม้าก็เลี้ยวขวาเข้าถนนใหญ่ ยังไม่ทันถึงร้านยาก่วงจี้ก็เห็นร้านยาเหรินเต๋อก่อน
อ๋องหนุ่มเหลือบมองป้ายร้านยาเหรินเต๋ออย่างไม่คิดอะไร แต่แล้วสายตาก็สะดุดลงกับร่างของใครคนหนึ่ง
นั่นซย่าหมิ่นไม่ใช่หรือ
นางกำลังเดินไปทางร้านยาเหรินเต๋อ มีซย่าจื้อกับซย่าเจวี้ยนเดินตามหลัง เขาเห็นแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากลจึงสั่งคนสนิท “ตามไปซิ ข้าจะไปดู”
Comments
