ซย่าหมิ่นเดินนำน้องชายน้องสาวไปทางร้านยาเหรินเต๋อ ซย่าเจวี้ยนดึงแขนเสื้อนางเบาๆ อย่างเป็นกังวล “พี่ใหญ่…”
นางหันไปมอง นอกจากสีหน้ากังวลใจของซย่าเจวี้ยนยังได้เห็นท่าทางกระสับกระส่ายของซย่าจื้อ จึงคลี่ยิ้มให้น้องๆ อย่างเชื่อมั่นในตนเอง “ไม่ต้องกลัว มีคนอยู่ด้วยเยอะแยะถึงเพียงนั้น นางจะกล้าทำอะไรพวกเรา พวกเราจะยอมให้คนอื่นมารังแกไม่ได้ จะเล่นก็ต้องเล่นให้ใหญ่เข้าไว้ ให้ชาวบ้านได้รู้กันว่านางต่ำช้าเพียงไร”
ได้ยินเช่นนั้นซย่าจื้อกับซย่าเจวี้ยนก็อุ่นใจขึ้นมาก จึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ซย่าหมิ่นพยักหน้าให้น้องๆ พลางกล่าว “ไปกันเถิด”
ทั้งสามเดินมาถึงหน้าประตูร้านยาเหรินเต๋อ หลี่หรูเซิงก้าวออกมาพอดีเลยปะกันเข้าอย่างจัง
“หมิ่นเอ๋อร์ เจ้ามาหรือ…” ชายหนุ่มทำหน้าดีอกดีใจเป็นอันดับแรก แต่พอเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนางก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบถอยหนีแล้วบอกอย่างร้อนตัว “หมิ่นเอ๋อร์ เรื่องนั้น…เรื่องนั้น…ข้าไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ นะ…”
ซย่าหมิ่นมองสีหน้าขลาดกลัวของเขา ก่อนตอกกลับไปอย่างไม่เกรงใจ “เรื่องที่แม่ท่านทำ ท่านจะไม่รู้ได้อย่างไร พี่ชายไม่ได้ชอบข้าหรอกหรือ ชอบแล้วยังเชื่อแม่หมดทุกอย่าง ปล่อยให้ข้าถูกรังแกถูกเล่นงานได้อย่างไรกัน”
ฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธอย่างลนลาน “ไม่ใช่นะ เชื่อข้าสิ ข้าเพิ่งมารู้ทีหลังจริงๆ ว่าท่านแม่…”
ซย่าหมิ่นไม่อยากฟังอยู่แล้ว คนพรรค์นี้บอกว่าชอบนาง นางหรือจะเชื่อ นางเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้ามาวันนี้เพื่อให้ชาวเมืองเฉาหยางช่วยตัดสิน ท่านป้าเห็นว่าพวกเราพี่น้องไม่มีพ่อแม่ปกป้องถึงได้ข่มเหงอย่างนั้นสิ ถึงกับจะยึดร้านยากับบ้าน แล้วไล่ครอบครัวเราออกมา”
นางพูดปาวๆ ด้วยเสียงอันดังอย่างเจตนา ถนนใหญ่มีผู้คนเดินผ่านไปมาจอแจ ยิ่งตกเป็นเป้าสายตามากเท่าไรยิ่งดี ซึ่งนางก็คิดไม่ผิด ชาวบ้านที่เดินอยู่บริเวณนั้นล้วนแต่หยุดยืนมอง
หลี่หรูเซิงยกมือเก้ๆ กังๆ เมื่อเห็นว่าคนบนถนนเริ่มมุงดู กระทั่งคนไข้ที่เดินเข้าออกร้านยังหันมามอง “หมิ่นเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรของเจ้า ท่านแม่ไม่ได้…พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า…”
“ฮึก…พวกเราไม่มีบ้านอยู่แล้ว…” ซย่าเจวี้ยนยกมือปิดหน้าร่ำไห้
“ทำกันเกินไปจริงๆ พวกเราเรียกนางว่าท่านป้า แต่นางกลับใจร้ายใจดำ ถึงกับจะให้พวกเราออกไปเร่ร่อนริมถนน…” ซย่าจื้อพูดขึ้นมาบ้างด้วยท่าทางเจ็บปวด
นี่เป็นบทที่ทั้งสามซักซ้อมกันมาล่วงหน้า ต้องเล่นละครให้เกินจริงเข้าไว้เพื่อเรียกความสงสารจากคนนอก ถัดมาก็ถึงคราวซย่าหมิ่นปลอบโยนน้องๆ “อาจื้อ เจวี้ยนเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว นั่นเป็นร้านยาของพวกเรา เป็นบ้านของพวกเรา พี่ใหญ่จะไม่ให้ใครมาแย่งไปได้เด็ดขาด”
“เกิดอะไรขึ้น พวกนี้บอกว่าเจ้าของร้านซย่าจะมายึดร้านยากับบ้านไป ให้พวกเขาออกมาเร่ร่อนริมถนนกันทั้งครอบครัว…”
“ไหนว่าเจ้าของร้านซย่าแห่งร้านยาเหรินเต๋อดูแลหลานชายหลานสาวเป็นอย่างดีอย่างไรล่ะ”
หลี่หรูเซิงเห็นชาวบ้านเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่ อาเซียนที่เป็นเด็กในร้านหัวไว รีบไปเชิญท่านเจ้าของร้านมารับศึก
ไม่นานนักซย่าซื่อก็เดินลิ่วๆ ออกมา พอเห็นว่าเป็นสามพี่น้อง ทั้งโดยรอบยังมีคนยืนมุ่งแน่นขนัด นางก็รีบสะกดโทสะ ปั้นหน้ายิ้มแย้มพูดกับหลานสาว “หมิ่นเอ๋อร์ เหตุใดถึงไม่เข้ามาในร้านเล่า ยืนพูดจาไม่คิดหน้าคิดหลังอยู่ข้างนอกเช่นนี้จะทำให้คนเข้าใจผิดนะ ป้าจะแย่งร้านยากับบ้านของเจ้ามาได้อย่างไร ร้านยาน่ะต้องซ่อมแซมตกแต่งใหม่ ป้ากลัวว่าเสียงจะดังรบกวนเลยให้พวกเจ้าย้ายออกไปอยู่ที่อื่นก่อนชั่วคราวเท่านั้นเอง นี่เป็นสิ่งที่นายผู้เฒ่าหวังอยากทำให้เจ้า เขาดีกับเจ้ามากนะ รู้ว่าเจ้าตั้งใจจะเปิดร้านยาก่วงจี้ขึ้นมาใหม่ก็อยากช่วยเหลือ”
ช่างกล้าพูดนะ! ซย่าหมิ่นแค่นยิ้มอยู่ในใจ แต่ภายนอกปั้นหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างกัน “แปลกจริง ข้าปฏิเสธน้ำใจนายผู้เฒ่าหวังไปแล้ว ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาเสียหน่อย เขาจะลวนลามข้า ยังถูกข้าเล่นงานจนได้แผลบนร่าง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดเขาถึงยังยืนกรานจะช่วยข้าอยู่อีก”
อะไรนะ! ลวนลาม!?
ตนเองเป็นป้า แต่กลับแนะนำบุรุษเช่นนั้นให้หลานสาว ออกจะ…
ซ้ำยังมีแผลบนตัวอีกด้วย? ตรงใดกันที่ได้แผล