ใจซย่าหมิ่นโอนเอนเชื่อว่ามีมีเป็นคนเขียน โลกนี้มีเรื่องประหลาดนับไม่ถ้วน บางทีมีมีอาจเป็นแมวเทวดา ล่วงรู้อนาคตว่าท่านป้าจะทำร้ายนางจึงเขียนเตือนภัยไว้
และเพราะคำเตือนของมีมีนี่ล่ะ ซย่าหมิ่นถึงได้ระวังผู้เป็นป้ามากขึ้นเป็นพิเศษ เมื่ออีกฝ่ายทำใจดีแนะนำคนไข้ให้นางไปรักษา นางจึงจงใจพาคนที่บ้านไปด้วยกันทุกครั้ง ไม่ยอมอยู่กับคนไข้ตามลำพังเป็นอันขาด ทั้งยังไม่ยอมดื่มชาแม้แต่อึกเดียว ฝ่ายตรงข้ามจะได้ไม่มีโอกาสเล่นงาน
เวลานี้แผนทำลายชื่อเสียงและบังคับให้นางแต่งงานล้มเหลว ท่านป้าก็ทำเป็นพูดอย่างมีเมตตาว่าจะออกเงินช่วยนางซ่อมแซมร้าน นึกหรือว่านางจะเชื่อ คนที่ตระหนี่ถี่เหนียวจนแม้แต่ค่าเล่าเรียนยังไม่ยอมให้ยืมน่ะหรือจะอยากช่วยนาง
ต่อให้นางร้อนเงินเพียงใด อยากได้เงินมาเปิดกิจการร้านยาก่วงจี้ใหม่อีกครั้งอย่างไร ก็ไม่มีวันรับเงินของอีกฝ่ายแน่
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะให้ท่านป้าช่วยได้อย่างไร ข้าอยากปลุกร้านยาก่วงจี้ให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ด้วยกำลังของข้าเอง หวังแต่ว่าจากนี้ไปท่านป้าจะไม่มายุ่งเรื่องแต่งงานของข้าอีก”
คำพูดของนางทำให้คนอื่นสูดหายใจเฮือกไปตามๆ กัน เพราะถึงอย่างไรซย่าซื่อก็เป็นญาติผู้ใหญ่ ทำเช่นนี้เท่ากับฉีกหน้าป้าตนเองกลางธารกำนัล
นั่นเป็นเพราะซย่าหมิ่นต้องการเปิดโปงธาตุแท้ของซย่าซื่อให้ชาวบ้านรู้ และทำให้ซย่าซื่อเข็ดหลาบ จะได้ไม่ทำเกินเลยเช่นนี้กับครอบครัวนางอีก
“กลับ!” เป้าหมายสำเร็จแล้ว ซย่าหมิ่นหมุนตัวเตรียมเดินแหวกกลุ่มคนออกไป โดยมีน้องชายน้องสาวเดินตามและต่างยืดอกเชิดหน้าอย่างฮึกเหิมกันทั้งคู่
ซย่าซื่อมองตามแผ่นหลังหลานสาวอย่างแค้นเคือง ตอนที่นางขัดแย้งกับบ้านตนเองเพราะเรื่องเปิดร้านยาในอดีตยังไม่กล้าพูดเลยว่าจะอาศัยกำลังของตนเอง ต้องแต่งงานกับสามีคนปัจจุบันแล้วยืมเงินเขาถึงสามารถเปิดร้านยาขึ้นมาได้ นางเด็กนี่น่ะหรือจะมีกำลังเปิดร้านยาก่วงจี้ขึ้นมาใหม่ จะเอาเงินและความสามารถมาจากที่ใด ก็ได้แต่ทำปากเก่งเท่านั้นล่ะ ไม่รู้จักประมาณตัวเอาเสียเลย นางจะยั่วโมโหนางตัวดีนี่ให้ได้!
“เจ้าตัวคนเดียวจะเอาอะไรมาเปิดร้านยาก่วงจี้ขึ้นมาใหม่เล่า เจ้ายังมีน้องๆ มีหลานสองคนต้องเลี้ยง นึกหรือว่าหากไม่แต่งงาน ไม่พึ่งพาบุรุษจะทำสำเร็จ แค่ปณิธานอย่างเดียวกินไม่ได้หรอกนะ” ซย่าซื่อพูดแทงใจ
เหล่าคนนอกได้ยินเช่นนั้นก็เออออตาม “นั่นน่ะสิ มีปณิธานก็ดีอยู่หรอก แต่สตรีอ่อนแอตัวคนเดียวไม่พึ่งสามี จะเอาอะไรมาเปิดร้านยาขึ้นมาใหม่ ลำพังแค่เรื่องเก็บเงินก็กลุ้มจะแย่แล้ว…”
“ร้านยาก่วงจี้เสียชื่อถึงเพียงนั้น จะยังเปิดขึ้นมาได้ใหม่จริงหรือ แม่นางผู้นี้พูดจาปากเก่งเกินไป ไม่มีทางสำเร็จหรอก…”
“แม่หนูหมิ่น ป้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าแต่งงานเสียเถิด ร้านยานี่เป็นร้านเน่าเหม็นที่พี่ชายเจ้าทิ้งไว้ ไม่ใช่เรื่องของเจ้า สตรีหาคนดีๆ แต่งงานด้วยถึงจะมีความสุข…”
“นั่นน่ะสิ เจ้าเป็นสตรีตัวคนเดียว ไม่มีทางชุบชีวิตร้านยาก่วงจี้ขึ้นมาได้หรอก…”
แม้ฟังถ้อยคำเหล่านั้นแล้วซย่าหมิ่นจะยังเหยียดหลังตรงอย่างสง่าได้เหมือนเก่า แต่ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็โกหก นางถูกคำพูดที่ได้ยินตรึงไว้กับที่ เดินไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว
ซย่าจื้อกับซย่าเจวี้ยนเห็นนางไม่ขยับก็ทำอะไรไม่ถูก
“เหตุใดจะชุบชีวิตขึ้นมาไม่ได้ อ๋องผู้นี้พนันข้างแม่นางก็แล้วกัน ห้าร้อยตำลึงพอหรือไม่”
อยู่ๆ เสียงทุ้มห้าววางอำนาจก็ดังขึ้นดุจดังสายฟ้าที่ผ่าลงมาโดยไม่มีเค้าฝน
ใครกันนะเป็นคนพูด ซ้ำยังเรียกตนเองว่า ‘อ๋องผู้นี้’ เสียด้วย ซย่าหมิ่นมองไปรอบตัวเช่นเดียวกับฝูงชนที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น
“หลิ่นอ๋องประทับอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบคุกเข่าคำนับอีกหรือ!”
พอได้ยินเสียงตะโกนประโยคนั้น ทุกคนก็ได้สติ รีบเปิดทางให้แม้จะยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อเห็นองครักษ์กลุ่มใหญ่กับตราประจำราชวงศ์ที่ผู้มาใหม่แสดง รวมทั้งคำว่า ‘หลิ่นอ๋อง’ ชาวบ้านก็พากันคุกเข่าลงทั้งหมด
หลิ่นอ๋องคือนามของอ๋องผู้ได้ฉายาว่า ‘ดาวอสูร’ เป็นที่โปรดปรานและเชื่อใจที่สุดของจักรพรรดิ ทั้งยังมีนิสัยเหี้ยมโหด ชอบวางอำนาจ!