บทที่ 12
หิมะห่าใหญ่เพิ่งหยุดตกไปอีกครั้ง แสงอรุณก็ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง
น้ำเย็นเฉียบในอ่างสะท้อนภาพดวงหน้าหล่อเหลา
หลังวางมีดเล็กสำหรับโกนหนวดลง ฝูถิงยกมือลูบคอ สัมผัสความแข็งสากของแผลที่ตกสะเก็ด
เขาก้มหน้าจัดเครื่องแบบให้เรียบร้อย แล้วทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะ
มีคนเดินก้าวถี่ๆ เข้ามาจากข้างนอก ดึงความสนใจชายหนุ่มให้หันไปมอง
ไม่ใช่หลี่ชีฉือที่ควรมาเปลี่ยนผ้ายา หากแต่เป็นบ่าวผู้หนึ่งที่ยกอาหารเช้าเข้ามาให้
เขามองเลยออกไปนอกห้อง ฟ้าแจ้งมาได้สักพัก ปกติเวลานี้เขาควรออกไปกองทัพได้แล้ว แต่วันนี้กลับยังนั่งอยู่ที่นี่ มุมปากขยับนิดหนึ่งด้วยความขบขัน
นางเข้ามาเปลี่ยนผ้ายาให้ก่อนเขาออกจากจวนและหลังกลับเข้าจวนเป็นประจำติดต่อกันหลายวันจนกลายเป็นความเคยชิน
พอคิดได้อย่างนี้เขาก็ลุกขึ้นไปหยิบแส้ม้า
เพิ่งจะก้าวพ้นเขตเรือนชั้นใน ก็เจอหลัวเสี่ยวอี้เดินมาจากทิศทางตรงข้าม
“พี่สามอย่าเพิ่งไป” ฝ่ายนั้นกระหืดกระหอบเข้ามายกมือห้ามเขาไว้ “ข้ามีข่าวดีจะบอก”
ฝูถิงชะงักเท้าทันที
วันนี้หลี่ชีฉือตื่นสาย นางนึกว่าชายผู้นั้นคงไปแล้ว แต่พอเดินมาถึงหน้าห้องหนังสือก็พบว่าประตูเปิดอยู่
ตอนที่เอามือรั้งชายกระโปรงก้าวเข้าไป บุรุษที่อยู่ในห้องก็หันมามองทันที
ยังมีหลัวเสี่ยวอี้ยืนข้างๆ ด้วยอีกคน
นางเห็นดังนั้นก็แสร้งทำท่าจะหันหลัง “พวกท่านคงมีเรื่องคุยกัน ข้าออกไปก่อนดีกว่า”
หลัวเสี่ยวอี้รีบห้าม “พี่สะใภ้เป็นคนในครอบครัวพี่สาม จะต้องออกไปด้วยเหตุใด อยู่ด้วยก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา”
หลี่ชีฉือมองไปทางสามี เขายืนตัวตรงสง่าในเครื่องแบบทหาร ดวงตายังคงจ้องมองนาง ไม่แย้งคำพูดของคนสนิท
นางมองว่าเขาเห็นชอบ จึงเดินเข้าไปข้างใน
ในขณะที่ผ่านร่างสูงใหญ่ นางรั้งฝีเท้าเล็กน้อยเหมือนไม่จงใจ ปรายตามองแผลบนลำคอแกร่ง
ส่วนที่ฉกรรจ์ที่สุดมีเนื้องอกใหม่เป็นสีแดงเรื่อ บ่งบอกว่าแผลใกล้หายเต็มที
หลี่ชีฉือปรารภในใจ ดูท่าคงไม่ต้องพึ่งมือข้าอีก
นางคิดแล้วก็กำผ้ายาผืนใหม่ที่ถือมาด้วยไว้ในฝ่ามือ
ดูเหมือนชายหนุ่มจะรับรู้ได้ จึงเอี้ยวหน้ามาทางนี้ เห็นนางเดินผละออกมาสองก้าว รั้งชายกระโปรงและนั่งคุกเข่าราบลงบนเบาะ
ฝูถิงหันไปมองหลัวเสี่ยวอี้
ฝ่ายนั้นส่งเสียงตะโกนเรียกออกไปนอกห้องโดยไม่รอให้เขาสั่ง
ทหารใต้บังคับบัญชาผู้หนึ่งอุ้มกล่องเข้ามาวางลงบนโต๊ะแล้วเดินกลับออกไป
ฝูถิงตวัดตามอง “นี่อะไร”
หลัวเสี่ยวอี้เปิดฝากล่อง ยื่นไปให้ดู “เห็นชัดหรือไม่พี่สาม นี่คือใบเงินหลวง*”
ฝูถิงก้มลงมองแล้วสอดมือเข้าไปกรีดในกล่อง เป็นใบเงินหลวงจริงๆ ซ้ำยังซ้อนกันเป็นปึกหนาเสียด้วย
ใบเงินหลวงเหล่านี้เป็นใบรับรองมูลค่าเงินตรา ต้องใช้เงินสดแลกมาถึงจะมีได้
ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เลย
เขาเงยหน้าขึ้นถาม “ไปเอามาจากที่ใด”