คนสนิทตอบ “ตอนที่ผู้อพยพก่อความวุ่นวายนอกประตูเมืองได้ทำให้การค้าขายชะงักงันไปไม่น้อย ข้าส่งคนไปเฝ้าคุมให้อยู่หลายวัน เวลานี้พวกพ่อค้ากลับมาทำมาค้าคล่อง จึงเกิดความซาบซึ้ง สมัครใจบริจาคใบเงินหลวงเหล่านี้มาให้ใช้เป็นเบี้ยหวัดในกองทัพ”
ฝูถิงขมวดคิ้วนิ่ง ไม่เอ่ยคำใด
หลัวเสี่ยวอี้เห็นเขาไม่แสดงท่าทีใดๆ ก็ถามขึ้นว่า “พี่สามคิดอะไรอยู่ พวกเรากำลังขาดเงินที่จะใช้อุดรอยรั่วอยู่นะ ได้เงินก้อนนี้มาไม่ดีหรือ”
ฝูถิงเอ่ย “ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นว่าจะมีเรื่องดีๆ เช่นนี้ได้”
พ่อค้าหวงแหนกำไร อยู่ๆ จะยอมสมัครใจให้เงินมาเองได้อย่างไรเล่า
หลัวเสี่ยวอี้ผงะ แต่ก็ไหวพริบดีพอที่จะตอบกลับไปทันที “คิดเสียว่าพวกเขาจ่ายภาษีมากหน่อยก็แล้วกัน ยามนี้แดนเหนือยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ก็มีแต่พวกพ่อค้านี่ล่ะที่พอจะเหลือกินเหลือใช้ ยอมเสียเงินบำรุงกองทัพเพื่อความปลอดภัยของตนเองก็สมเหตุสมผลแล้วนี่นา”
พูดจบเขาก็แอบเหลือบมองพี่สะใภ้ของตนแวบหนึ่งพลางบ่นพี่สามอยู่ในใจ
เรื่องดีๆ เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อยู่แล้วล่ะ หากไม่ได้ภรรยาที่ท่านแต่งเข้าตระกูลมา
หลี่ชีฉือนั่งเงียบ ได้แต่หยิบส้มผลหนึ่งจากถาดไม้เคลือบเงาที่อยู่บนโต๊ะ
ส้มเหล่านี้นางสั่งมาจากทางใต้ด้วยราคาแพงลิบลิ่ว เพียงเพราะหลี่เยี่ยนบ่นว่าอยากกิน
พอได้มาแล้วก็ให้ซินลู่แบ่งบางส่วนมาวางไว้ในห้องหนังสือ ปรากฏว่าจนป่านนี้ชายหนุ่มก็ยังไม่หยิบกินแม้แต่ผลเดียว
ปลายนิ้วเรียวเล็กค่อยๆ ปอกเปลือกส้ม เหมือนไม่ได้ฟังว่าทั้งสองคนพูดอะไรกันบ้าง
ฝูถิงเอามือเท้าเอว ตามองกล่อง เดินกลับไปกลับมาช้าๆ
กว่าเขาจะมีวันนี้ได้ก็เพราะค่อยๆ บากบั่นฝากรอยเท้ามาตามทางทีละก้าว จึงไม่เคยเชื่อถือโชคลางใดๆ ทั้งสิ้น
บัดนี้อยู่ๆ โชคครั้งใหญ่ก็หล่นลงมาตรงหน้า ถ้าบอกว่าไม่แปลกใจเลยก็โกหกแล้ว
หลัวเสี่ยวอี้ที่คอยสังเกตสีหน้าพี่สามของตนมาโดยตลอดแอบเหลือบมองพี่สะใภ้ แต่นางทำท่าเหมือนเข้ามานั่งฟังอย่างเดียวจริงๆ ไม่ซักไม่ถาม เขาจึงกลั้นใจพูดออกไปว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ตอบตกลงรับของมาแล้ว ต่อให้พี่สามไม่อยากได้ก็ไม่มีทางเลือก”
ฝูถิงตวัดตามองด้วยใบหน้าคร่ำเครียด “เช่นนั้นยังจะมาบอกข้าด้วยเหตุใดอีก”
ฝ่ายตรงข้ามหัวเราะ “ก็พี่สามเป็นผู้บัญชาการ ไม่บอกท่านแล้วจะให้บอกใครเล่า”
พอพูดจบเขาก็หันไปทางนาง “เลยทำให้พี่สะใภ้เห็นเรื่องน่าขันเสียได้”
หลี่ชีฉือที่กำลังปลิดกลีบส้มเงยหน้าขึ้น “พวกท่านคุยเรื่องอะไรกัน เมื่อครู่ข้าไม่ได้สนใจฟัง”
หลัวเสี่ยวอี้ยิ้ม “นั่นสินะ เรื่องในกองทัพน่าเบื่อ พี่สะใภ้ไม่ต้องสนใจหรอก คิดเสียว่าข้ากับพี่สามคุยเล่นก็แล้วกันขอรับ”
หลังจากโต้ตอบกันด้วยคำพูดเป็นพิธีรีตองราวกับส่งรหัสลับแล้ว เขาก็หันไปบอกฝูถิง “พี่สามคุยกับพี่สะใภ้เถิด ข้าจะออกไปรอข้างนอก”
ถึงอย่างไรก็ทิ้งกล่องเงินไว้แล้ว พอพูดจบเขาจึงหมุนตัวเดินออกไปทันที
ฝูถิงเพิ่งจะหันไปมองนางก็ตอนนี้
หลี่ชีฉือเอาแต่นั่งปอกเปลือกส้มเงียบๆ ดูไม่ออกว่าไม่สนใจฟังจริงหรือไม่
เขาคิดกับตนเองในใจว่าไม่น่าพูดต่อหน้านางเลย หากนางรู้ว่ากองทัพอยู่ในภาวะเช่นไร เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
หลี่ชีฉือปลิดส้มกลีบหนึ่งขึ้นจรดริมฝีปาก พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขามองตนเองอยู่ก็วางผลไม้ลง
“เมื่อครู่ข้าเห็นแผลท่านดีขึ้นมากแล้ว” นางเอ่ย
ฝูถิงยกมือลูบคอ “ตกสะเก็ดแล้ว”