ฝูถิงตื่นนอนแต่เช้าตามปกติ
เขาหยิบเครื่องแบบทหารมาสวม ก่อนจะหันไปยกน้ำเย็นที่กินเหลือบนโต๊ะมาสาดใส่กระถางไฟ
เมื่อดับไออุ่นร้อนในห้องให้ลดเลือนลงแล้วก็ยกมือลูบคอ
หลังความเจ็บปวดราวกับถูกแล่เนื้อทั้งเป็นผ่านพ้น เขาก็นอนหลับสนิททั้งคืน เวลานี้กำลังเป็นเหมือนเมื่อวาน คือรอยแผลไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น
สายลมพัดกระโชกอยู่ข้างนอก ฟังราวกับเสียงครวญคร่ำ คาดว่าหิมะน่าจะตกลงมาในไม่ช้า
เขาใช้เวลาไม่นานก็แต่งตัวเสร็จ แล้วยกแขนขึ้นจ่อปาก ใช้ฟันช่วยผูกสายรัดปลายแขนเสื้อ มือข้างที่ว่างเอื้อมไปเปิดหน้าต่าง
พอบานหน้าต่างถูกผลักออกก็เห็นหิมะบางๆ โปรยปรายอยู่ข้างนอกจริงๆ
ผืนฟ้ามัวซัวเป็นฉากหลังขับหิมะโปรยให้เห็นชัด ร่างอ้อนแอ้นของสตรีนางหนึ่งกำลังยืนพิงเสา
พอได้ยินเสียงเปิดหน้าต่าง หลี่ชีฉือก็หันมามอง ประสานสายตากับเขา แล้วขยับตัวยืนตรง นางยืนตรงนี้นานจนเมื่อย จึงพิงเสาโดยไม่รู้ตัว
“เปลี่ยนผ้ายาเถิด” หลี่ชีฉือเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม เดินมาเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง
ตอนแรกฝูถิงยืนอยู่ตรงริมหน้าต่าง เห็นนางเดินเข้ามาหาก็ชิงนั่งลงบนตั่งก่อน
เขาไม่ได้เอ่ยอะไรทั้งสิ้น แต่นึกในใจว่างานเช่นนี้ให้บ่าวไพร่ทำก็ได้ เหตุใดนางถึงต้องมาจัดการเองกับมือทุกครั้ง
ชายกระโปรงกระเพื่อมไหวอยู่ข้างตัวเมื่อหลี่ชีฉือนั่งลงใกล้ๆ เขา มือทั้งสองข้างยื่นออกจากชายแขนเสื้อ นอกจากผ้ายาผืนใหม่ยังมีผ้าร้อนอีกผืน
ฝูถิงลอกผ้ายาผืนเก่าบนคอออกเองเรียบร้อยแล้ว เนื้อยาบนนั้นแห้งหมดหลังจากปิดมาทั้งคืน
ผ้าร้อนถูกถือไว้นานจนเหลือไอร้อนแค่ครึ่งเดียว หลี่ชีฉือช่วยเช็ดคราบต่างๆ บริเวณรอบแผลให้จนสะอาด พอยกผ้ายาผืนใหม่ทำท่าจะปิดลงบนคอแกร่งก็ชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “อาจจะยังเจ็บอยู่นะ”
นัยน์ตาฝูถิงขรึมเข้ม “ไม่เป็นไร”
นางจึงปิดผ้ายาลงไป
ท่อนแขนกำยำที่เจ้าของวางอยู่บนหัวเข่าทั้งสองข้างเกร็งเครียดขึ้นมาอย่างเตรียมพร้อม ปรากฏว่ากลับไม่เจ็บอย่างที่คาดไว้ เขาเหลือบตามองสตรีที่อยู่ตรงหน้า
หลี่ชีฉือเอ่ยถาม “ไม่เจ็บหรอกหรือ แสดงว่ายาดีกว่าที่คิดกระมัง”
ทุกคำเอ่ยเอื้อนออกมาอย่างจริงใจและไร้เดียงสายิ่ง
ฝูถิงเม้มปาก แก้มกระตุกสองที แต่ไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น ต่อให้นางจงใจแกล้งเขาจริง เขาจะต่อล้อต่อเถียงกับนางหรือไร
แม้จะแกล้งเขาเล่น หลี่ชีฉือก็ยังไม่ลืมที่จะปิดผ้ายาให้แน่นหนา ค่อยๆ ใช้มือกดผ้าให้แนบไปกับต้นคอเขา
คนเป็นทหารต้องกรำแดดกรำฝน มือของนางจึงขาวเนียนกว่าหน้าเขามาก หญิงสาวแอบพิจารณาเสี้ยวหน้าหล่อเหลาด้านข้าง ตาเป็นตา จมูกเป็นจมูก กรามเป็นสันคมจรดใบหู ไม่ว่ามองส่วนใดก็บึกบึนคร้ามเข้มราวกับแกะขึ้นจากคมดาบ
มือเล็กเลื่อนไปหาลูกกระเดือก อ้อยอิ่งบนจุดนูนตรงนั้นอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยดึงกลับมา
ลูกกระเดือกกระเพื่อมไหว ฝูถิงเอามือกดผ้ายาจ้องมองนาง ก่อนจะดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดบริเวณที่ได้แผลเอาไว้
ยามนี้เองเสียงเรียกพี่สามก็ดังขึ้นข้างนอก หลัวเสี่ยวอี้มาแล้ว
หลี่ชีฉือก้มหน้าเช็ดปลายนิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปเหมือนอย่างที่ทำเมื่อวาน
เพิ่งจะก้าวพ้นประตูห้องก็ได้ยินเสียงกลองประโคมรัว ดังขาดๆ หายๆ อยู่ในลมหิมะ
หลัวเสี่ยวอี้เดินมาตามเฉลียงแล้ว ปากยังร้องเรียกไม่หยุด “พี่สาม เกิดเหตุด่วนขึ้นในเมือง!”
ฝูถิงลุกพรวดขึ้นยืนทันที