ตอนที่หลี่ชีฉือหันไปมอง เขากำลังคว้าแส้ม้าเดินออกจากห้อง สาวเท้าก้าวยาวๆ ไปตามเฉลียง เพียงครู่เดียวก็ลับสายตาไปอย่างรวดเร็ว
นางยังยืนอยู่ตรงริมเฉลียง เงี่ยหูฟังเสียงกลองอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วพบว่าไม่ใช่กลองสัญญาณแจ้งข่าวทางการศึก
ลานด้านล่างมีร่างคนวิ่งไปมา ชิวซวงเดินลิ่วๆ เข้ามาตรงหน้าแล้วโน้มตัวกระซิบริมหูนางว่าร้านค้าในแถบนี้ของนางหลายร้านถูกคนบุกรุก ข่าวนี้ส่งมาจากนอกเมือง
“หากไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ก็ส่งคนอื่นไปจัดการแทน” หลี่ชีฉือครุ่นคิดพลางสั่งว่า “หากผ่านไปสามเค่อ* ยังเป็นเช่นนี้อยู่ค่อยมาบอกข้าอีกที”
ชิวซวงเอ่ยรับคำสั่ง
หลี่ชีฉือเดินกลับเข้าห้อง ตอนแรกตั้งใจจะนอนสักงีบ เมื่อเช้านางนอนไม่อิ่มเพราะต้องรีบลุกมารอฝูถิงตื่น แต่พอได้ฟังเรื่องที่ชิวซวงรายงานก็ล้มเลิกความคิดที่จะนอน เปลี่ยนใจมาสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมตนเองแทน
นางมีกิจการมากเกินกว่าจะสนใจความเสียหายหยุมหยิมแค่นี้ แต่ในเมื่อถึงขนาดทำให้ชิวซวงนำมารายงานได้ย่อมแสดงว่าต้องเป็นเรื่องด่วน
หลี่ชีฉือคาดเดาได้ถูกต้อง เพราะสามเค่อให้หลังชิวซวงก็เดินเข้ามาอีกครั้ง
“นายหญิง เกรงว่าหลงจู๊เหล่านั้นจะรับมือไม่ไหวเจ้าค่ะ เมื่อครู่ก็ได้ยินเสียงกลองแจ้งเหตุร้ายดังขึ้นในเมือง”
พอรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสียงกลอง นางก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุมกันลมทันที
ตอนที่หลี่ชีฉือตัดสินใจออกจากจวน หิมะหยุดตกแล้ว ลมนิ่งสงบเหมาะแก่การสัญจรพอดี
นางให้ชิวซวงติดตามไปด้วยแค่คนเดียว เพราะเป็นเรื่องที่ต้องแอบจัดการเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้
รถม้าแล่นออกจากจวนได้ไม่ทันไร ถนนหนทางก็สัญจรลำบากขึ้นเรื่อยๆ
พอใกล้จะถึงประตูเมือง รถก็ต้องจอดสนิทเพราะไม่มีช่องว่างให้แล่นได้ต่อ
หลี่ชีฉือที่นั่งบนรถได้ยินเสียงผู้คนเอะอะเซ็งแซ่ บ่งบอกว่าข้างนอกแออัดเนืองแน่นเพียงใด
สารถีปลอบม้าไม่ให้ตื่นแล้วกระโดดลงจากรถม้า เดินเบียดกลุ่มคนเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะนำข่าวกลับมาบอกชิวซวง
สาวใช้ส่งเสียงรายงานผ่านม่านหน้ารถม้า “ประตูเมืองถูกปิดแล้วเจ้าค่ะ เสียงกลองสัญญาณเมื่อครู่ดังมาจากบริเวณนี้”
ไม่รู้เพราะเหตุใดอยู่ๆ ผู้อพยพนอกเมืองถึงได้ก่อความวุ่นวายขึ้นมา มิน่าเล่าร้านรวงทั่วไปในบริเวณนี้ถึงได้รับผลกระทบกันหมด
หลี่ชีฉือนึกถึงกลุ่มผู้อพยพที่เคยเห็นนอกเมือง พวกเขาก็แค่อยากมีชีวิตรอด ไม่ใช่คนร้าย และยิ่งไม่ใช่กบฏ ตามหลักแล้วไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย
นางหยิบหมวกม่านแพรมาสวมก่อนจะก้าวลงจากรถม้า ย่างเท้าลงบนพื้นแล้วทว่าแทบขยับต่อไม่ได้ รอบตัวเบียดเสียดยัดเยียดจนไม่มีช่องว่าง แต่เหตุวุ่นวายที่แท้จริงอยู่ข้างนอก ถึงต้องปิดประตูเมืองสกัดไว้
หลี่ชีฉือกับชิวซวงมองไปโดยรอบ เพิ่งจะลงมายืนกลางฝูงชนได้เต็มเท้าก็ได้ยินเสียงม้าควบตะบึงกึกก้องดุจฟ้าคำรนดังมาจากข้างหลัง
ผู้คนบนถนนรีบเปิดทางให้ม้าวิ่งผ่าน
นางถูกเบียดจนลงมายืนริมถนนไปด้วย พอหันไปมองผ่านฝุ่นทรายที่ฟุ้งขึ้นมาเป็นชั้นบางๆ เสียงสายฟ้าเมื่อครู่ก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ใครคนหนึ่งขี่อาชาสูงใหญ่ควบเข้ามาเร็วรี่ มีทหารม้าสองแถวตามมาข้างหลัง แต่ละนายถืออาวุธครบมือ เมื่อมาถึงประตูเมืองเขาก็รั้งบังเหียน จ้องมองประตูบานยักษ์นั่นด้วยแววตาเคร่งเครียด
คนผู้นี้คือฝูถิงนั่นเอง