เขาเชื่อมั่นในผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ทางราชสำนักก็ยังมีอ๋องผู้สำเร็จราชการคุมอยู่ ขอเพียงการรบที่แนวหน้าดำเนินไปอย่างมั่นคง แนวหลังคอยหนุนอย่างหนักแน่น การคาดหวังว่าจะปิดฉากสงครามนี้ได้ในช่วงกลางปีก็ไม่ใช่เป้าหมายที่ไกลเกินจริง
เขาดึงธงจิ๋วที่ปักค้างอยู่ตรงตำแหน่งก่วงหนิงในกระบะทรายมาหลายวัน ย้ายไปปักตำแหน่งที่เป็นเมืองเยียนแทน ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าเร่งร้อนก็ดังขึ้นที่หน้ากระโจม
มือข้างที่ยังไม่ได้ดึงกลับมาของเจียงจู่วั่งค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดวาบขึ้นในใจ
เขาสัมผัสความร้อนรนได้จากเสียงฝีเท้านั้น
อึดใจต่อมาเสียงตะโกนก็ดังเข้าหู “ท่านแม่ทัพ เกิดเรื่องแล้วขอรับ! มีรายงานด่วนจากด่านซีกวน…”
หลังจากทางนี้เปิดศึก ด่านซีกวนที่ต้องคอยช่วยสนับสนุนเยี่ยนเหมินก็เตรียมงานที่เกี่ยวข้องเอาไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนหน้า ได้สร้างแนวป้องกันอันแน่นหนาไว้ที่นอกด่านโดยใช้เมืองอวิ๋นลั่วเป็นศูนย์กลาง
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แนวป้องกันที่เมืองอวิ๋นลั่วจะแตกก่อนก็เป็นข้อเท็จจริงที่คาดเดาได้
ทว่า…เหตุใดแนวป้องกันที่เมืองอวิ๋นลั่วถึงแตกได้ไวเพียงนี้
หากมีการรบพุ่งกัน ทางเขาย่อมต้องได้รับข่าวอยู่แล้ว ทว่าก่อนหน้านี้กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แม้แต่นิดเดียว
เจียงจู่วั่งเดินจ้ำออกจากกระโจม เห็นองครักษ์ประจำตัวกำลังพาคนเดินสารวิ่งเข้ามา เสื้อผ้าบนร่างคนผู้นั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังจนเป็นสีดำ สีหน้าอิดโรย ดูตื่นตระหนกลนลาน พอเห็นเขาก็ทรุดฮวบลงคุกเข่าอย่างทรงตัวยืนไม่อยู่
“ท่านแม่ทัพใหญ่! เยียนเฉิงไปเข้ากับเป่ยตี๋! แม่ทัพหลิวบาดเจ็บสาหัสขอรับ!”
เจียงจู่วั่งหยุดยืนอยู่กับที่อย่างตะลึงงัน ก้าวขาต่อไม่ออก
คนเดินสารตั้งสติ รายงานต่อไปว่าเยียนเฉิงฉวยโอกาสในตอนกลางคืนแอบปล่อยทัพเป่ยตี๋เข้ามา ให้ซุ่มซ่อนกำลังพลอยู่นอกด่านตอนกลางดึก ซ้ำยังพยายามหลอกทหารยามให้เปิดประตูด่าน อ้างว่าจะส่งจดหมายออกไป โชคดีฝานจิ้งรีบรุดตามมาห้ามไว้ได้ทันท่วงที จึงยับยั้งหายนะไว้ได้ ทว่าด่านซีกวนถูกทัพใหญ่ปิดล้อม ประกอบกับการป้องกันเป็นไปอย่างฉุกละหุก จึงเกือบพลาดท่าถูกข้าศึกตีแตก หลิวไหวหย่วนนำทัพออกต้านศึกอย่างองอาจกล้าหาญจนสามารถชิงแนวป้องกันกลับมาได้ ทว่าตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จนบัดนี้ยังนอนไม่ได้สติ
“เวลานี้ด่านซีกวนตกอยู่ในภาวะคับขัน ได้แต่อาศัยแม่ทัพฝานกับแม่ทัพนายกองที่เหลือต้านศึกอย่างสุดกำลัง ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดออกคำสั่งช่วยเหลือโดยด่วนด้วยเถิดขอรับ!”
คนเดินสารมอบจดหมายจากฝานจิ้งให้เขา ก่อนทิ้งตัวลงไปคลานกับพื้นอย่างหมดแรง ร้องไห้สะอึกสะอื้น
เหล่ารองแม่ทัพในค่ายที่ได้ยินข่าวและมารวมตัวกันตรงนี้ล้วนแต่หันไปมองแม่ทัพใหญ่อย่างตกตะลึงพรึงเพริด
เจียงจู่วั่งเปิดจดหมายอย่างรวดเร็ว พออ่านเสร็จก็ถึงกับมือสั่น ก่อนจะตกลงไปแนบลู่ข้างลำตัวอย่างอ่อนแรง เขาหลับตาแน่นด้วยสีหน้าหม่นหมองร้าวราน ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับกลายเป็นรูปสลักไปแล้ว
ความแช่มชื่นยินดีเมื่อครู่ที่เกิดขึ้นเพราะชัยชนะของทัพกลาง มาบัดนี้อันตรธานไปสิ้น
ด่านซีกวนและเยี่ยนเหมินทำงานประสานกัน เป็นดั่งเขาคู่ที่ปกป้องฉางอันเมืองหลวงของต้าเว่ยจากทางเหนือ
ทิศใต้ของด่านซีกวนคือด่านเซียวกวน ซึ่งถูกมองเป็นประตูอุดรของฉางอันมาตั้งแต่โบราณ
หากรักษาด่านซีกวนไว้ไม่ได้ ด่านเซียวกวนจะกลายเป็นปราการทางเหนือชั้นสุดท้ายของฉางอัน ที่นั่นมีระยะห่างเป็นเส้นตรงจากเมืองหลวงไม่ถึงพันหลี่
กองทัพเป่ยตี๋รุกประชิดด่านเซียวกวนเมื่อใด ย่อมสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อความปลอดภัยของฉางอัน
ในเวลาชี้ชะตาเช่นนี้ เมืองอวิ๋นลั่วที่ไม่ควรเกิดปัญหามากที่สุดกลับทรยศต้าเว่ย
ต่อให้ต้าเว่ยพิชิตโยวโจวและเยียนโจวได้ แต่หากฉางอันตกอยู่ในมือศัตรู ชัยชนะนี้จะมีความหมายอะไรเล่า
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว