เสียงร้องไห้ของคนเดินสารค่อยๆ สงบลงทีละน้อย
หน้ากระโจมเนืองแน่นด้วยทหาร ทว่าเงียบกริบราวกับป่าช้า
ระหว่างความเงียบที่น่าอึดอัดทรมานไม่ต่างจากความตายนี้ เจียงจู่วั่งพลันลืมตาขึ้น
ทันทีที่ลืมตา สีหน้าของเขาได้กลับไปเคร่งขรึมเหมือนยามปกติทุกประการ
ทหารที่อยู่รอบด้านได้ยินเขาใช้น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงเรียกชื่อแม่ทัพสองนาย เจ้าของชื่อทั้งสองรีบก้าวออกมาคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น รอฟังคำบัญชา
แม่ทัพใหญ่มอบหมายให้ทั้งคู่นำกำลังพลสองในสามของทัพซ้ายเร่งรุดไปช่วยด่านซีกวนให้เร็วที่สุด
สั่งให้ทัพขวาของโจวชิ่งและจางมี่รุกตีต่อ เป้าหมายไม่ใช่การพิชิตมณฑลโยวโจว แต่เป็นการยื้อกำลังทหารเป่ยตี๋ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
สั่งให้ทัพกลางเปลี่ยนแผนจากรุกเป็นเฝ้าระวัง ระงับแผนการที่มีต่อมณฑลโยวโจวลงก่อน
สั่งให้เจียงหานหยวนรีบไปรับช่วงแทนหลิวไหวหย่วนโดยด่วน
สั่งให้จ้าวผูแบ่งกำลังทหารอย่างเหมาะสม เน้นการรักษาพื้นที่มณฑลเยียนโจวที่ชิงมาได้เป็นอันดับแรก แล้วส่งกำลังพลที่เหลือไปช่วยด่านซีกวน
“ทหารทั้งหมดฟังคำสั่ง!”
หลังสั่งการเป็นขั้นเป็นตอนติดกันหลายข้อ เขาก็เปล่งเสียงสูงขึ้น
“นับแต่นี้ไปจงเตรียมการออกรบทั้งกลางวันกลางคืน เตรียมใจพร้อมตายในสมรภูมิ ร่วมกันพิทักษ์ปกป้องเยี่ยนเหมินด้วยกันกับข้า!”
หลังเจียงจู่วั่งออกคำสั่งสุดท้าย แม่ทัพนายกองบางคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุโดยตลอด
ชื่อซูเดินหมากเช่นนี้ ซ้ำยังได้ผลตามที่หวัง ก็ย่อมคาดเดาการตอบสนองที่ตามมาจากทัพต้าเว่ยไว้ล่วงหน้าด้วยเช่นกัน
บัดนี้แผนการที่เจียงจู่วั่งวางไว้ก่อนเปิดศึกถูกปั่นป่วนจนยุ่งเหยิงไม่เหลือชิ้นดี
เขาจำต้องดึงกำลังทหารจากทัพใหญ่ใกล้เคียงไปช่วยด่านซีกวน เมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนที่กองหนุนย้อนกลับไปถึง การป้องกันของด่านซีกวนจะหละหลวมและมีช่องโหว่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ชื่อซูจะต้องรีบคว้าจังหวะก่อนทัพกลางเคลื่อนพลไปถึง ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดตีทัพซ้ายของต้าเว่ย
ต้องบอกว่าชื่อซูเดินหมากจู่โจมจุดสำคัญให้แผนใหญ่ของทัพต้าเว่ยหยุดชะงัก ใช้ประโยชน์จากตัวแปรที่ไม่มีใครคาดคิดเช่นเยียนเฉิงพลิกสถานการณ์ที่ทัพต้าเว่ยเหนือกว่าตั้งแต่เริ่มเปิดศึกกลายเป็นสูญเปล่า ไม่เพียงเท่านั้นสำหรับทัพต้าเว่ยในตอนนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะชิงมณฑลโยวโจวได้เมื่อไรอีกต่อไปแล้ว แต่อยู่ที่จะปกป้องด่านซีกวนได้หรือไม่ จะรักษาเยี่ยนเหมินไว้ได้หรือไม่!
ทุกคนพากันเย็นวาบที่สันหลัง แต่พอเห็นเจียงจู่วั่งยืนสง่าอยู่หน้ากระโจมด้วยสีหน้าแน่วแน่และแววตาสุขุม ความฮึกเหิมองอาจก็พลันล้นปรี่ขึ้นในหัวใจ
มีท่านแม่ทัพใหญ่ผู้เปรียบได้ดังเสาค้ำสมุทร อยู่ทั้งคน ย่อมไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะต้องต่อสู้กับความกดดัน ตีทัพเป่ยตี๋ที่ยกมาประชิดจนแตกพ่ายกลับไปได้อย่างแน่นอน
“ท่านแม่ทัพใหญ่วางใจเถิด! พวกข้าขอสาบานว่าจะติดตามท่าน แม้ต้องออกศึกจนตัวตายก็จะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว!”
คำสั่งของเจียงจู่วั่งถูกถ่ายทอดลงไปอย่างรวดเร็ว จุดความปั่นป่วนให้ปะทุตัวขึ้นในหมู่ไพร่พล ทหารนับไม่ถ้วนที่แห่แหนมายืนออรอบกระโจมใหญ่ส่งเสียงรับคำสั่งดังต่อเนื่องเป็นระลอกคลื่น
อดกลั้นมาถึงตรงนี้เจียงจู่วั่งก็รู้สึกได้ถึงรสเค็มปร่าในลำคอ ในปากอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือด
หลังอ่านจดหมายฉบับนั้นจบเมื่อครู่ เลือดลมในปอดก็ตีขึ้นมาจุกอกจนเจ็บแน่นอย่างรุนแรง
เขาต้องทนอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชามองออกว่าตนมีอาการผิดปกติ
ในเวลาสำคัญเช่นนี้เขาจะเป็นอะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว หาไม่หากกองทัพเสียขวัญกำลังใจ สิ่งที่รอเยี่ยนเหมินคงมีเพียงความพินาศเท่านั้น
เขาฝืนกลืนเลือดที่ทะลักขึ้นมาในลำคอลงไป จากนั้นก็กวาดตามองรอบตัวแล้วคำรามดังลั่น “ปฏิบัติเดี๋ยวนี้!”