ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 91-92 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 91-92

แม้จะออกเดินทางช้ากว่าทัพซ้าย ระยะทางก็ไกลกว่า แต่ทัพของเจียงหานหยวนเดินทัพเร็วกว่าทัพใหญ่มาก ในวันนี้ซึ่งยังผ่านมาไม่ทันครึ่งเดือนกำลังพลส่วนของนางจึงมาถึงด่านซีกวนก่อนทัพใหญ่หลายวัน

ที่นี่ไม่ผาสุกเหมือนวันวานอีกต่อไป ทั้งในและนอกป้อมปราการสูงใหญ่อาบย้อมไปด้วยเลือด

เดิมทีด่านซีกวนในปลายเดือนสามถูกปกคลุมด้วยไอเย็นของฤดูใบไม้ผลิที่ยังจางหายไปไม่หมด แต่บัดนี้ในอากาศมีแต่กลิ่นเหม็นคละคลุ้งชวนคลื่นเหียน ตอนนี้เป็นช่วงพักรบ มองไปไกลๆ จะเห็นแร้งตัวเขื่องบินวนเวียนแล้วโฉบถลาลงมาจิกกินศพบนพื้นที่เริ่มเน่าเพราะไม่มีใครเก็บอย่างย่ามใจ

เป่ยตี๋ส่งทัพใหญ่เข้าประชิด ใช้ไพร่พลสิบหมื่นกว่านายรุกตีที่นี่อย่างบ้าคลั่งตลอดเวลา ไม่สนใจว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

จุดประสงค์ของชื่อซูชัดเจน ไม่มีสิ่งใดต้องสงสัย

เมื่อกลยุทธ์ประสานความสัมพันธ์เพื่อประวิงเวลาล้มเหลว เขาก็เบนสายตามาหาด่านซีกวนอีกครั้ง

หากชื่อซูสามารถเคลื่อนพลสู่ด่านเซียวกวนได้ตามที่วางแผนไว้ ฉางอันจะตกอยู่ในอันตราย เมื่อถึงเวลานั้นต้าเว่ยจำต้องระดมกำลังทหารมารับมือกับภัยคุกคามที่มีต่อเมืองหลวง และวิกฤตที่มณฑลโยวโจวและเยียนโจวก็จะคลี่คลายลงอย่างง่ายดาย

ไม่เพียงเท่านั้นนี่ยังเป็นการประกาศให้ต้าเว่ยตระหนักว่าการยกทัพออกจากเยี่ยนเหมินอย่างกระเหี้ยนกระหือรือนี้ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

ต้าเว่ยอย่าได้คิดจะก่อสงครามใหญ่ระดับนี้ไปอีกหลายปี

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าแม้สุดท้ายแล้วต้าเว่ยจะสามารถต้านทัพใหญ่ของเป่ยตี๋ให้ถอยร่นกลับไปและปกป้องฉางอันไว้ได้ เหตุพลิกผันนี้จะทำให้คนทั้งแผ่นดินทดท้อหมดกำลังใจสักเพียงไร ไม่ต้องบอกก็รู้

ฝานจิ้งและแม่ทัพนายกองที่ด่านซีกวนอาจไม่สามารถคิดใคร่ครวญถึงเส้นสนกลในอย่างละเอียดถึงขั้นนี้ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่พวกเขาทุกคนตระหนักดี นั่นคือจะเสียด่านซีกวนไปไม่ได้

นับแต่หลิวไหวหย่วนตายเพราะออกศึก ฝานจิ้งกับกองกำลังรักษาด่านซีกวนที่เหลือก็พยายามปกป้องประตูด่าน ต้านการรุกรานให้ฝ่ายตรงข้ามถอยร่นไปครั้งแล้วครั้งเล่า สงครามยืดเยื้อมาจนบัดนี้ พวกเขาป้องกันด่านซีกวนมาร่วมเดือน ไพร่พลบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก หากไม่ได้ความแข็งแกร่งกล้าหาญของกำลังพลที่ลั่นสัตย์สาบานว่าจะไม่ยอมถอยแม้ตัวตาย ผนวกกับการสนับสนุนจากราษฎรรอบด้าน เมืองหน้าด่านแห่งนี้คงถูกตีแตกไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

ตอนกลางวันวันนี้พวกเขาก็เพิ่งต้านการโจมตีอันบ้าคลั่งไปอีกระลอก ทว่าสถานการณ์ในช่วงนี้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดและสิ้นหวังในเมืองหน้าด่านพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ทุกที

ถูกล่ะว่าเรื่องเสบียงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะมีพวกชาวบ้านช่วยสนับสนุนให้พอประทังต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ทว่ายุทธภัณฑ์สำหรับป้องกันศึกและอาวุธจำเป็นอยู่ในภาวะขาดแคลนอย่างรุนแรง ทหารที่ผ่านการฝึกฝนและสามารถสู้รบต้านทานการฆ่าฟันของพวกเป่ยตี๋ได้ก็มีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ

วันนี้ต้านศึกไปจนช่วงท้าย เหตุการณ์เหมือนวันแรกก็ซ้ำรอยอีกครั้ง นั่นคือกำลังพลไม่พอและขาดแคลนอาวุธ ชาวเมืองที่เพิ่งได้รับการฝึกฝนช่วงสั้นๆ ให้ขึ้นมาสู้ศึกบนกำแพงเมืองต้านการโจมตีที่ดุดันราวกับน้ำหลากไม่อยู่ การป้องกันเกิดช่องโหว่ ทหารเป่ยตี๋จึงปีนศพพวกเดียวกันที่ทับถมก่ายกองเป็นภูเขาสูงบุกขึ้นมาบนป้อมปราการสำเร็จ

โชคดีที่สุดท้ายยังไม่ถูกตีแตก เพราะฝานจิ้งนำไพร่พลมาต้านการจู่โจมชนิดอาบเลือดต่างน้ำ สู้ยิบตาจนฆ่าทหารเป่ยตี๋ที่บุกขึ้นมาข้างบนได้ทั้งหมด จึงสามารถรักษาประตูด่านไว้ได้อย่างเฉียดฉิวในเวลาฟ้ามืดพอดี

ระหว่างโรมรันกันเมื่อตอนกลางวัน แม่ทัพเป่ยตี๋ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตะโกนก้องร้องป่าวว่าทัพหนุนที่ฮ่องเต้ส่งมาเพิ่มจะมาถึงในไม่ช้า ให้พวกเขายอมแพ้เสียโดยดี จะได้ไม่ถูกฆ่าล้างเมืองเมื่อด่านแตก

ฝานจิ้งคิดว่านี่ไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นความจริง

เวลานี้การสู้รบอันดุเดือดเพิ่งสิ้นสุดลงไม่นาน

เขายืนอยู่บนป้อมปราการที่อาบเลือดจนพื้นเป็นโคลนชื้นแฉะ ข้างๆ มีพลทหารที่รอดชีวิตมาได้จำนวนหนึ่งกำลังทำกิจวัตรที่ปฏิบัติทุกครั้งหลังจบศึกอยู่เงียบๆ นั่นคือโรยดินลงพื้นเพื่อกันลื่น เตรียมไว้สำหรับการสู้รบในครั้งถัดไป

ไม่มีใครพูดอะไร ในเวลาเช่นนี้ทุกคนรวมทั้งตัวเขาล้วนแต่เส้นประสาทตึงเครียดถึงขีดสุด ขณะที่แรงกายถูกผลาญไปจนเหือดแห้ง

ในตอนนั้นเองเขาพลันได้ยินว่าทัพหนุนที่แม่ทัพใหญ่ส่งมาช่วยมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฝานจิ้งดีใจสักเพียงใด เขารีบนำไพร่พลไปต้อนรับโดยไม่รอช้า

จวบจนรู้ว่าเป็นเจียงหานหยวน ได้เห็นดวงหน้าอิดโรยที่มอมแมมไปด้วยฝุ่นของนาง ได้ยินนางเรียกตนว่า “อาฝาน” บุรุษร่างใหญ่บึกบึนที่แข็งแกร่งดุจหินผาในยามปกติเช่นเขาก็สุดที่จะสะกดอารมณ์ความรู้สึกได้อีก น้ำอุ่นไหลรินจากสองตา ขณะทิ้งตัวลงคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ

“ท่านแม่ทัพ! ข้าผิดต่อท่าน ข้าไม่ได้ปกป้องเมืองอวิ๋นลั่วไว้ให้ดี…” เขาพูดเสียงสั่นเครือ

“รักษาด่านซีกวนไว้ได้ พวกท่านก็มีความดีความชอบใหญ่หลวงแล้ว!”

เจียงหานหยวนตวัดตัวลงจากหลังม้าอย่างว่องไว ปราดเข้าไปประคองคนตรงหน้าขึ้นจากพื้น

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

community.jamsai.com