สามวันให้หลังกองหนุนของทัพเป่ยตี๋ก็ยกทัพมาถึง โดยเคลื่อนพลผ่านช่องเขาที่แต่เดิมอยู่ในการป้องกันของเมืองอวิ๋นลั่ว มุ่งหน้าสู่ด่านซีกวน ปรากฏว่าระหว่างที่ไพร่พลเคลื่อนทัพผ่านช่องเขาเข้ามา เบื้องหน้าพลันเกิดไฟป่าปิดทางไว้ เปลวเพลิงลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ม้าศึกถอยหลังหนีกันจ้าละหวั่นด้วยความแตกตื่น มิหนำซ้ำลมยังช่วยโหมไฟให้ไหม้ลามไปยังเชิงเขาสองฝั่งที่ขนาบข้าง ทหารเป่ยตี๋จำต้องถอยทัพอย่างไม่มีทางเลือก จังหวะนั้นเองน้ำมันเพลิงจำนวนมหาศาลก็ถูกเทลงมาจากหน้าผาสองฝั่ง พร้อมไฟที่จุดตามมาในรวดเดียว ภายในเวลาชั่วอึดใจช่องเขาทั้งช่องก็ตกอยู่ใต้ทะเลเพลิงลุกท่วม ทหารม้าเป่ยตี๋ถูกไฟคลอกจนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน พวกที่เหลือก็ถอยร่นไม่เป็นกระบวน ไม่อาจไปต่อได้
ตรงนั้นเคยเป็นแนวหน้าที่ฝานจิ้งเตรียมรับศึกในตอนแรก ช่องเขาที่ง่ายต่อการป้องกัน ยากต่อการโจมตีนี้เองที่เอื้อให้เมืองอวิ๋นลั่วสามารถยืนหยัดเป็นศูนย์กลางของพื้นที่นอกด่านซีกวนมานานปี
ฝานจิ้งเคยเตรียมน้ำมันเพลิงจำนวนมากไว้ตรงนี้ เผื่อต้องใช้ระหว่างทำศึกสงคราม ตอนนั้นไม่ได้ใช้ ตอนนี้ในที่สุดก็เป็นประโยชน์
ระหว่างที่เปลวเพลิงตรงช่องเขาลุกท่วมขึ้นฟ้า เยียนเฉิงที่กำลังช่วยกองทัพเป่ยตี๋ตีเมืองหน้าด่านไม่คาดคิดเลยว่าเจียงหานหยวนพี่สาวตนได้ลอบกลับเข้าเมืองอวิ๋นลั่วอย่างเงียบเชียบ
พอนางปรากฏตัว เหล่าทหารและราษฎรทั้งเมืองก็แห่แหนกันมาต้อนรับสนับสนุน จงเฉิงหนีไปอย่างนกรู้ เหล่าขุนศึกเก่าแก่ที่ถูกข่มขู่ของสกุลเยียนล้วนแต่ก้มกรานให้แม่ทัพหญิง หลังจากนั้นกองทหารรักษาการณ์เมืองอวิ๋นลั่วก็รวมตัวกับพวกชาวบ้านลุกฮือขึ้นมา โดยมีฝานจิ้งเป็นผู้นำ ร่วมกันจุดไฟเผาไล่กองทัพเป่ยตี๋ที่รีบรุดตามมา
ทะเลเพลิงตรงช่องเขายังไม่ทันมอดดับ เจียงหานหยวนก็แอบกลับมาที่ด่านซีกวนอีกครั้ง
เวลานั้นทัพหนุนที่เจียงจู่วั่งส่งมาช่วยก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ผ่านมานานแล้วทัพเป่ยตี๋ก็ยังตีด่านไม่แตกเสียที ในแต่ละวันต้องใช้เสบียงเลี้ยงทั้งคนทั้งม้าศึกมากมายจนน่าตกใจ หากไม่นับเรื่องอาวุธ เรื่องเสบียงก็คือปัญหาใหญ่
แต่ไหนแต่ไรพวกเป่ยตี๋ไม่มีธรรมเนียมขนเสบียงและยุทธภัณฑ์มากับกองทัพ เพราะยึดหลักไปเอาเสบียงจากเมืองที่ตีได้ หลังมาตั้งทัพที่นี่จึงอาศัยเสบียงที่อวิ๋นลั่วและเมืองใกล้เคียงส่งมาให้เท่านั้น เพียงพอให้ทั้งคนทั้งม้ามีกินมาเรื่อยๆ บัดนี้ทัพหนุนยังมาไม่ถึง ทว่านั่นเป็นเรื่องรอง ปัญหาสำคัญที่สุดคือเสบียงร่อยหรอลงแล้ว
เสบียงของคนยังพอประทังต่อไปได้สักระยะ คับขันหนักเข้าก็กินเนื้อม้าที่บาดเจ็บหรือล้มป่วยได้ แต่ปัญหาใหญ่คือเสบียงม้าต่างหาก ม้าศึกจำนวนมากเริ่มต้องกินหญ้ายาไส้เพราะได้กินไม่อิ่มท้อง
บังเอิญเหลือเกิน พอทัพหนุนของต้าเว่ยมาถึง ทางอวิ๋นลั่วก็ส่งเสบียงมาให้อย่างเร่งด่วนเช่นกัน
ปัญหาใหญ่ในกองทัพคลี่คลายลงได้ พวกเป่ยตี๋จึงเลิกรอทัพหนุน…ความจริงก็ไม่อาจรอต่อไป เพราะทัพต้าเว่ยที่รวมตัวกันเรียบร้อยแล้วเป็นฝ่ายเปิดศึกเอง
ศึกครานี้ไม่ใช่การรบเพื่อตีเมืองและป้องกันเมืองเหมือนครั้งก่อนๆ
เจียงหานหยวนนำกองทหารม้าออกจากด่านด้วยตนเอง บุกตะลุยสู้ศึกอยู่หน้าสุด
การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด เลือดและชิ้นเนื้อกระจายว่อนสมรภูมิ ระหว่างกำลังขับเคี่ยวกันอย่างร้อนระอุ ทหารเป่ยตี๋จำนวนมากก็สังเกตเห็นความผิดปกติเมื่อม้าศึกของพวกตนเคลื่อนไหวช้าลง แรกๆ ยังพอฝืนแรงวิ่งได้บ้าง แต่ต่อมาก็เริ่มฟุบลงไปทีละตัวสองตัว ลุกขึ้นมาใหม่ไม่ได้
ที่แท้ในฟางหญ้าชุดที่เพิ่งส่งมามียาพิษผสมอยู่ ม้ากินเข้าไปแล้วมีอาการเหมือนเมาสุรา ไม่อาจสู้ศึกต่อได้เลย
ในจังหวะนั้นเองที่มีการกระจายข่าวว่าเกิดเหตุขึ้นที่อวิ๋นลั่ว ทัพหนุนถูกเผาจนติดอยู่ที่ช่องเขา เคลื่อนพลมาที่นี่ไม่ได้
เทียบกันแล้วสภาพของทหารเป่ยตี๋กับทหารต้าเว่ยที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารรุนแรงจำนวนนับไม่ถ้วนแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทหารต้าเว่ยแต่ละนายสู้ศึกอย่างฮึกเหิมไม่กลัวตาย ทัพเป่ยตี๋ที่ต้านศึกไม่ไหวจึงพ่ายแพ้ยับเยิน
หลังการสู้รบครั้งใหญ่กลางสมรภูมิในวันนี้ นอกด่านซีกวนยังมีศึกขนาดเล็กแบบเดี๋ยวรบเดี๋ยวหยุดดำเนินต่อไปอีกหลายวัน จนในที่สุดทัพเป่ยตี๋ก็ถอยร่นขึ้นเหนือ ศึกครานี้จึงได้สิ้นสุดลง
ตั้งแต่เริ่มเปิดฉากจนยุติ วิกฤตที่ด่านซีกวนกินเวลาเกือบสองเดือน แม้ไม่นับว่านาน และผลสุดท้ายพอจะเรียกได้ว่าน่าพอใจเพราะปกป้องด่านซีกวนไว้ได้ อีกทั้งอวิ๋นลั่วและเมืองข้างเคียงก็กลับมาอยู่ใต้อำนาจต้าเว่ยดังเดิม
ทว่าผลกระทบจากการหักหลังยังอยู่ห่างจากคำว่า ‘จบ’ ไปอีกไกล