ฝานจิ้งนำคนไปตามล่าจงเฉิงที่หนีไปอยู่หลายวัน และได้รู้จากคำสารภาพของฝ่ายนั้นว่าปลายปีกลายหลังจากเยียนเฉิงปะทะกับพวกเป่ยตี๋และพลัดหลงกับทหารกลุ่มใหญ่ก็ได้ตกอยู่ในกำมือศัตรูจริงๆ ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่พวกอ่อนหัด แต่เป็นชางอ๋องซ้ายมู่ต๋า อาของชื่อซูที่ออกหน้าด้วยตนเอง ทั้งบังคับขู่เข็ญ ทั้งเอาผลประโยชน์เข้าล่อ ซ้ำยังหาสตรีนางหนึ่งมาให้ค้างคืนกับเขา ก่อนจะปล่อยเขากลับมา
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อต้าเว่ยยกทัพออกจากเยี่ยนเหมิน เยียนเฉิงก็แอบบอกความจริงกับจงเฉิง ให้อีกฝ่ายช่วยตนเองด้วยการสวามิภักดิ์ต่อเป่ยตี๋ ต่อไปจะได้เรืองอำนาจวาสนาด้วยกัน
สตรีในคืนนั้นก็ไม่ใช่หญิงธรรมดา แต่เป็นบุตรสาวของชางอ๋องซ้าย ชางอ๋องซ้ายรับปากว่าภายภาคหน้าจะให้ทั้งคู่แต่งงานกัน สานสัมพันธ์ให้มั่นคง ไม่เพียงเท่านั้นยังนำคำสัญญาจากชื่อซูมาถ่ายทอดว่าเมื่อการใหญ่สำเร็จ นอกจากฐานะของเขาในเมืองอวิ๋นลั่วยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว ชื่อซูยังจะพิจารณายกด่านซีกวนให้เขาปกครองจากการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
เพราะเหตุนี้เยียนเฉิงจึงเข้าสวามิภักดิ์ต่อเป่ยตี๋อย่างสุดตัว
ไม่เพียงเท่านั้นจงเฉิงยังคายความลับอีกเรื่องหนึ่งเพื่อรักษาชีวิตตนเอง
ก่อนหน้านี้หลังจากที่เยียนฉงผู้เป็นบิดาบาดเจ็บสาหัส เยียนเฉิงถูกภูตผีปีศาจดลใจให้อยากขึ้นเป็นเจ้าเมืองในเร็ววัน จึงยกความกตัญญูมาบังหน้าอาสาเคี่ยวยาให้บิดาด้วยตนเอง แต่แท้ที่จริงแอบเล่นลูกไม้กับยานั้น เขาหยิบตัวยาหลักที่มีสรรพคุณรักษาแผลตัวหนึ่งทิ้งไป
ที่สุดท้ายเยียนฉงทนพิษบาดแผลไม่ไหว จากโลกไปก่อนเวลาอันควรทั้งที่ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์ น่าจะเป็นเพราะน้ำมือบุตรชายแท้ๆ
เยียนเฉิงทำเรื่องนี้อย่างเร้นลับแนบเนียน แม้แต่ตัวจงเฉิงยังเพิ่งมารู้ในภายหลังจากคำบอกเล่าของหลานชาย เยียนเฉิงบอกให้รู้เพื่อดึงเขามาติดร่างแหด้วย หากเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง จงเฉิงก็จะอยู่ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด
“เยียนเฉิงก็ถูกจับตัวไว้แล้วเช่นกัน จะจัดการอย่างไร เชิญท่านแม่ทัพตัดสินใจด้วยตนเองเถิด”
ฝานจิ้งมองแผ่นหลังแข็งทื่อราวกับกลายเป็นหินไปแล้วของเจียงหานหยวน ก่อนพูดประโยคสุดท้ายออกมาเบาๆ
ฟ้ามืดลง ก่อนจะสว่างอีกครั้ง
เจียงหานหยวนนั่งมาทั้งคืน ในย่ำค่ำของวันต่อมานางเข้ามาในหุบเขาอันเป็นที่ฝังร่างคนสกุลเยียน
ท่านตา มารดา น้าชาย และบรรพบุรุษสกุลเยียนที่นางไม่รู้จักอีกมากมายนอนหลับใหลอยู่ในนี้ชั่วนิรันดร์
ไม่มีคนใดในพวกเขาเหล่านี้ไม่ยึดมั่นในความถูกต้อง เพื่อให้ผู้คนในดินแดนใต้ปกครองได้ใช้ชีวิตอย่างผาสุกร่มเย็น ต่อให้ต้องหลั่งเลือดในกายจนหยดสุดท้ายก็พร้อมยอมสละ
แต่แล้วบัดนี้ที่นี่กลับมีคนนอกคอกทำให้วงศ์ตระกูลมัวหมอง
เจียงหานหยวนหยุดยืนหน้าหลุมฝังศพน้าชาย จ้องมองคนที่อยู่ตรงปลายเท้า
เยียนเฉิงผู้เคยเป็นน้องชายนางนั่นเอง อีกฝ่ายผมเผ้าสยายยุ่ง เนื้อตัวมีแต่คราบเลือด ถูกมัดมือมัดเท้า คุกเข่าหมอบคู้อยู่กับพื้น ก้มหน้าคอตก ตัวแข็งทื่อไม่ขยับ ราวกับว่าตายไปแล้ว
เจียงหานหยวนรู้ว่าคนที่ดูเหมือนสุนัขจนตรอกตรงหน้านางยังไม่ตาย
นางจ้องมองแผ่นหลังอีกฝ่าย แล้วใช้เสียงแหบแห้งที่คุกรุ่นด้วยเพลิงโทสะเอ่ยว่า “ชื่อซูหมายตาเจ้าเพราะผ่านการใคร่ครวญวางแผนมาอย่างดี จัดฉากล่อลวงให้เจ้าทรยศต้าเว่ย การกระทำนี้ของเจ้าข้ายังพอพยายามทำความเข้าใจได้ว่าเจ้าอาจคิดว่าไม่มีทางเลือก แต่ท่านน้าเล่า เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้า! เจ้ากลับทำร้ายเขาเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าเมือง ทั้งที่ไม่ช้าก็เร็วมันต้องตกเป็นของเจ้าในสักวันอยู่แล้ว! เขาไม่ดีกับเจ้าอย่างไร เจ้าถึงต้องทำร้ายเขา”
เยียนเฉิงยังคงหลับตานิ่งไม่หือไม่อือ
“พูด!” หญิงสาวตวาด
อีกฝ่ายลืมตาขึ้น พยายามยักแย่ยักยันลุกโงนเงนขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวช้าๆ เงยหน้าขึ้นแค่นหัวเราะ