ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 93-94
ระหว่างที่ด่านซีกวนตกอยู่ในภาวะคับขัน เยี่ยนเหมินที่เป็นชายแดนเหนือก็ต้องเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ชื่อซูฉวยโอกาสที่เยี่ยนเหมินส่งกำลังทหารไปช่วยด่านซีกวนจนการป้องกันทางนี้หละหลวมลง ระดมไพร่พลโดยรอบเท่าที่จะระดมได้ในเวลานั้น แต่งทัพใหญ่ขนาดสิบหมื่นกว่านายเคลื่อนพลรุกตีเยี่ยนเหมินอย่างบ้าคลั่ง
กองทัพทหารม้าเป่ยตี๋ที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่ารุกเข้ามาประชิด เจียงจู่วั่งดำเนินกลยุทธ์ป้องกัน ยกทัพไปปักหลักบนที่ราบชิงมู่ แล้วสวมเกราะนำเหล่าทหารหาญออกต้านศึกอยู่หน้าสุดด้วยตนเอง อาศัยไพร่พลไม่ถึงสามหมื่นนายต้านการโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าของศัตรูอยู่ที่นั่น รักษาที่ราบชิงมู่ไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมถอยแม้เพียงก้าวเดียว จวบจนกำลังพลทัพกลางที่ถอนทัพจากด่านซีกวนเร่งรุดมาสมทบ ผนึกกำลังโรมรันจนทัพเป่ยตี๋ต้องถอยร่นกลับไปตั้งหลักบริเวณมณฑลเหิงโจว
ศึกปกป้องเยี่ยนเหมินครานี้สร้างชื่อในฐานะเทพสงครามให้เจียงจู่วั่งอย่างแท้จริง
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาเยี่ยนเหมินจะเกิดศึกสงครามอยู่เสมอ แต่ส่วนใหญ่เป็นการปะทะกันเพียงบางส่วน ยังไม่ลุกลามถึงขั้นที่เขาต้องออกหน้านำทัพเอง การศึกก็สิ้นสุดลงก่อนแล้ว ทหารในกองทัพรู้ว่าสมัยหนุ่มๆ เขามีฉายาว่า ‘เทพสงคราม’ แต่ก็เพียงเท่านั้น
เพิ่งจะครานี้เองที่ผู้คนได้ประจักษ์ชัดกับสองตาว่าคำกล่าวที่ว่า ‘ทำศึกง่ายดายราวกับสมรภูมิไม่มีคน’ หมายความว่าอย่างไร หลายต่อหลายครั้งที่เขาบุกตะลุยทัพศัตรูในสถานการณ์ที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน อาศัยความเหี้ยมหาญที่ไม่มีใครต้านทานได้เด็ดหัวแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามท่ามกลางทหารนับหมื่น ทุ่มเทสุดตัวจนพลิกสถานการณ์กลับมาได้ จนในภายหลังธงประจำตัวแม่ทัพของเขาปรากฏขึ้นที่ใด ทัพเป่ยตี๋จะพากันถอยหนีอ้อมไปใช้ทางอื่น ไม่มีผู้ใดเหิมหาญต่อกรด้วย
แต่แม้จะเก่งกาจสามารถถึงขั้นจับเสือสยบมังกร เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
จังหวะที่เยี่ยนเหมินพ้นภัย ใครต่อใครพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็ล้มลงอย่างฝืนทนต่อไปไม่ไหว
เห็นว่าตอนนั้นการศึกเพิ่งสิ้นสุดลง ชัยชนะครั้งนี้ได้มาอย่างยากเย็น ทั้งค่ายกึกก้องด้วยเสียงโห่ร้องยินดีเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ขาดแต่เพียงแม่ทัพใหญ่เท่านั้น เมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาไปตามก็เห็นเขานอนฟุบอยู่บนพื้นคนเดียวในกระโจมใหญ่ ทุกคนถึงเพิ่งตระหนักตอนนั้นเองว่าที่แท้แผลเก่าของเขากำเริบตั้งแต่วันที่ได้รับข่าวจากด่านซีกวน เพียงแต่เขาฝืนทนมาโดยตลอด ไม่แสดงออกให้ใครเห็น
กว่าจะถึงตอนนั้นอาการของเขาก็เพียบหนักเต็มที นอกจากกระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง ยังนอนไม่ได้สติเสียส่วนมาก
รายงานฉบับนี้เขาอาศัยช่วงสุดท้ายที่ยังมีสติพูดออกมาให้เสมียนเขียนแทน
เขาตำหนิตนเองที่เลือกใช้คนไม่ดี และขอรับโทษจากราชสำนักที่เกิดเหตุขึ้นกับด่านซีกวน นอกจากนั้นยังละอายแก่ใจสุดซึ้งที่ตนผิดต่อความไว้วางใจที่ฮ่องเต้มีให้ เพราะไม่อาจเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในสงครามใหญ่ทางเหนือนี้ต่อไปได้ เพื่อไม่ให้การศึกที่แนวหน้าชะงักงัน เขาได้แต่งตั้งให้แม่ทัพฉางหนิงสืบทอดตำแหน่งผู้บังคับบัญชาสูงสุดเพื่อกำกับควบคุมการศึกแทนตนชั่วคราว
สุดท้ายเจียงจู่วั่งบอกมาในรายงานว่าเขาไม่ได้เสนอชื่อแม่ทัพฉางหนิงเพราะนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงสงครามระดับแผ่นดิน เขาไม่มีทางกล้าทำเช่นนั้นเด็ดขาด แต่ในขณะเดียวกันเพราะคำนึงถึงสงครามเป็นหลัก เขาจึงไม่อาจมองข้ามนางเพราะอยากเลี่ยงคำครหา และไม่ใช่เพียงแค่เขาที่เสนอชื่อนาง แม่ทัพนายกองทั้งกองทัพก็ล้วนแต่สนับสนุนนางเป็นเสียงเดียว ดังนั้นเขาจึงอาจหาญเขียนรายงานเสนอราชสำนัก หวังว่าราชสำนักจะแต่งตั้งนางตามที่ขอ
ตอนที่ราชสำนักได้รับรายงานฉบับนี้เมื่อสามวันก่อน เกาเฮ่อออกเสียงคัดค้านเป็นคนแรก
เขาให้เหตุผลมีน้ำหนักว่าแม้เจียงจู่วั่งจะรับความผิดทุกอย่างไว้เอง แต่ลำพังแค่ประสบการณ์และอายุของแม่ทัพฉางหนิง การแต่งตั้งนางให้ดำรงตำแหน่งสำคัญระดับนี้จะต่างอะไรกับการละเล่นของเด็กน้อย ไม่มีทางชักจูงทำให้คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ บัดนี้ด่านซีกวนแคล้วคลาดปลอดภัยเพราะโชคช่วย สงครามใหญ่ของเยี่ยนเหมินนี้ยังจะดำเนินต่อไปหรือไม่ ราชสำนักยังต้องหารือกันก่อนด้วยซ้ำ หากแม้นจะรบต่อให้ได้ก็ต้องคัดเลือกคนที่เหมาะสมและสุขุมกว่า ไม่ใช่ปล่อยให้กลุ่มทหารเยี่ยนเหมินที่ไม่เห็นราชสำนักอยู่ในสายตาออกเสียงกันเองตามอำเภอใจ
การแสดงความเห็นของเขาพูดแทนความกังวลของเหล่าขุนนางที่คิดเห็นคล้ายกัน แม้แต่พวกฟางชิงยังลังเลนิดๆ ส่วนพวกที่มีจุดยืนเป็นกลางไม่ได้พูดอะไรในท้องพระโรง เพราะติดที่เกรงอ๋องผู้สำเร็จราชการ
ทุกคนคิดว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการจะต้องแย้งกลับมาทันที ปรากฏว่าเจ้าตัวเพียงแค่ตอบเรียบๆ ว่าในการประชุมใหญ่ราชสำนักอีกสามวันให้หลังค่อยถกเรื่องนี้กันใหม่
เขาพูดประโยคนั้นด้วยท่าทางสบายๆ หลังเลิกประชุมขุนนางหลายคนแอบรวมตัวกันวิเคราะห์ท่าทางของเขาโดยละเอียด สุดท้ายก็ปักใจเชื่อว่าอ๋องผู้สำเร็จราชการต้องการกดดันให้พวกที่มีจุดยืนตรงกลางเลือกข้าง
ที่ให้เวลาสามวันก็เพราะต้องการให้ทุกคนไตร่ตรองให้ดีว่าการเป็นปฏิปักษ์กับเขาจะมีผลเช่นไร
จริงอยู่ว่าหลิวเซี่ยงไปแล้ว คนของฮ่องเต้น้อยขึ้นเป็นแม่ทัพกองทหารรักษาพระองค์แทน แต่การยอมถอยให้ของอ๋องผู้สำเร็จราชการที่ดูเหมือนเป็นการปลอบโยนฮ่องเต้น้อยกลับถูกมองว่าเสแสร้งแกล้งทำให้ผู้อื่นดูเท่านั้น
กำลังพลของเฉินหลุนยังอยู่ในมืออ๋องผู้สำเร็จราชการอย่างเหนียวแน่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทหารฝีมือดีทั้งแผ่นดินที่บัดนี้รวมตัวกันอยู่ที่เยี่ยนเหมิน
แล้วจะไม่ให้กลัดกลุ้มกังวลใจอย่างไรไหว
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายก่อนเปิดประชุมใหญ่ราชสำนักในวันรุ่งขึ้น