ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 93-94 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน แม่ทัพฉางหนิง ขุนศึกหญิงพิทักษ์นครา บทที่ 93-94

บทที่ 94

ดึกสงัด ซู่เซิ่นฮุยเดินออกจากห้องหนังสือกลับเข้าเรือนฝานจื่อไปพักผ่อน

ค่ำคืนนี้สงบเงียบ เขานอนหลับสนิท พอหัวถึงหมอนก็ไม่แม้แต่จะพลิกตัวสักครั้ง

ครั้นพอยามอิ๋น ในช่วงเวลาที่เข้มข้นที่สุดของคืน ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงแห่งนี้ยังนอนหลับสบาย แต่เขาตื่นขึ้นมาแล้ว

จางเป่าเห็นแสงตะเกียงสว่างวอมแวมอยู่หลังประตูหน้าต่างเรือนนอนก็รู้ว่าเจ้านายตื่นแล้ว จึงนำข้ารับใช้สองคนไปเคาะประตูแล้วก้าวเข้าไปข้างใน

นับแต่ขึ้นปีใหม่อ๋องผู้สำเร็จราชการก็ไม่ได้ค้างคืนในวังหลวงอีกเลย แม้จะดึกดื่นเพียงใดก็ต้องกลับมานอนที่จวนอ๋อง

เช่นเดียวกับปกติ เมื่อล้างหน้าบ้วนปากและแต่งตัวเสร็จเขาจะกินอาหารเช้าง่ายๆ แล้วขี่ม้าไปวังหลวงเพื่อเข้าประชุมราชสำนัก

วันนี้ดูเหมือนวันปกติธรรมดาวันหนึ่ง ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไร

ปีนี้บิดาของจางเป่าร่างกายถดถอยลงอย่างรวดเร็ว อ๋องผู้สำเร็จราชการจึงไม่อนุญาตให้มาปรนนิบัติรับใช้ จางเป่ารับหน้าที่ทุกอย่างแทนผู้เป็นบิดา ไม่เพียงเท่านั้นเดี๋ยวนี้เขาเองก็เลี้ยงบุตรบุญธรรมสองคนแล้วเช่นกัน

ในสายตาข้ารับใช้สองคนนี้เขาเป็นคนเงียบขรึม ไม่ชอบยิ้มแย้มพูดคุย ทำงานรอบคอบ เหมือนเป็นตัวตายตัวแทนของท่านปู่ขันทีสูงวัยผู้นั้นก็ว่าได้ ทั้งสองเคารพยำเกรงเขาอย่างมาก แต่จางเป่ารู้ดีว่าเนื้อแท้ตนเป็นเช่นไร

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด อาจนับจากพระชายาจากไปกระมังที่จางเป่ารู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนไปจากเดิมทีละนิด เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักทุกข์ร้อนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เขาเลิกแอบอู้หรือแอบงีบระหว่างอยู่เวรตอนกลางคืน ไม่อยากพูดจา แม้กระทั่งจะยิ้มยังยิ้มไม่ออก เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเหมือนบิดามากขึ้นทุกที ทว่าขณะเดียวกันก็รู้แจ้งแก่ใจดีว่าตนไม่มีทางมองความผันแปรของสรรพสิ่งบนโลกด้วยสายตาเรียบเฉยเหมือนอย่างบิดาได้ โดยเฉพาะระยะนี้เขารู้สึกอัดอั้นตันใจเหลือเกิน บางครั้งโมโหจนอยากกระอักเลือดด้วยซ้ำ กลับไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้แม้แต่นิดเดียว

ตอนนี้เขาพาข้ารับใช้เข้าไปในเรือนฝานจื่อ ปรนนิบัติรับใช้อ๋องผู้สำเร็จราชการให้ล้างหน้าแต่งตัว เสร็จแล้วก็หลบไปยืนอีกทาง มองเจ้านายนั่งก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้าที่ถูกยกเข้ามาให้คนเดียว

ซู่เซิ่นฮุยกินเพียงผัดต้นอ่อนถั่วมู่ซวี* ที่วางอยู่ใกล้ที่สุดกับโจ๊ก พอวางตะเกียบลง เงยหน้าขึ้น เตรียมจะลุกจากโต๊ะก็เห็นจางเป่ามองตนเองอยู่ เปลือกตาของฝ่ายนั้นบวมนิดๆ พอประสานสายตากับตนก็เหมือนเพิ่งได้สติ วอนขอให้เขากินอีกสักนิด

ชายหนุ่มไม่หิว ทั้งยังไม่รู้สึกอยากอาหาร “ข้าอิ่มแล้ว จานอื่นไม่ได้กินเลย พวกเจ้าเอาไปแบ่งกันเถิด”

แต่จางเป่ายังคงวิงวอนต่ออย่างไม่ยอมฟัง “กระหม่อมทราบว่าท่านอ๋องต้องเสด็จไปเข้าประชุม จึงเตรียมเครื่องเสวยถวายนิดเดียวเท่านั้น ท่านอ๋องทรงซูบผอมลงกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ ท่านพ่อกำชับกระหม่อมว่าต้องถวายปรนนิบัติท่านอ๋องให้ดี แล้วยังพระชายาอีก! หากคราวหน้าพระชายาทรงได้พบท่านอ๋อง จะนึกว่ากระหม่อมแอบเกียจคร้าน ไม่ตั้งใจถวายปรนนิบัติอีกแล้วได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

พูดจบก็เห็นเจ้านายเหลือบมองตนเอง ก่อนจะยิ้มแล้วยอมหยิบตะเกียบขึ้นมากินต่อจริงๆ

ได้เห็นอย่างนั้นจางเป่าควรยินดีถึงจะถูก ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ ขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียได้ เขารีบเบือนหน้าไปกะพริบตาถี่ๆ เพราะกลัวจะถูกเห็น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอ๋องผู้สำเร็จราชการดังเข้าหู “เป็นอะไรถึงได้ทำหน้าอมทุกข์”

เขารีบหันกลับมา “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมดีใจต่างหาก”

ซู่เซิ่นฮุยเหลือบตาขึ้นมองหน้าคนสนิทแล้วเลิกคิ้ว “ดีใจจะร้องไห้ไปไย”

เจ้าตัวพูดถูกเผง แต่จางเป่าก็ยังพยายามบ่ายเบี่ยง “กระหม่อมดีใจจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ! ช่วงนี้มีแต่เรื่องดีๆ ติดกัน พระชายาทรงสร้างผลงานทางการศึกอีกครั้ง ด่านซีกวนก็แคล้วคลาดปลอดภัย เช้าวันนี้ท่านอ๋องยังเสวยได้เยอะกว่าทุกวัน…”

จางเป่านึกโมโหความไม่เอาไหนของตนเองนัก ปากบอกว่าดีใจ แต่ตาแดงเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว พอเห็นเจ้านายยังเอาแต่มองมานิ่งๆ ก็สุดที่จะระงับอารมณ์ความรู้สึกต่อไปไหว เขาทิ้งตัวลงคุกเข่า พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “กระหม่อมสมควรตายที่ทำลายความรื่นรมย์ของท่านอ๋อง! กระหม่อมเศร้าใจนิดหน่อย แล้วก็รู้สึกอึดอัดคับแค้นแทนท่านอ๋อง…เหตุใดพวกคนข้างนอกจึงได้พูดถึงท่านอ๋องเช่นนี้!”

ซู่เซิ่นฮุยเพียงแต่ร้องว่าอ้อเรียบๆ “พูดถึงข้าว่าอย่างไรบ้าง”

คนภายนอกต่างหาว่าเขาปิดหูปิดตาฮ่องเต้ที่ยังเยาว์วัย นอกจากจะกุมอำนาจในราชสำนัก นอกราชสำนักยังบังคับแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ พยายามใช้สงครามสร้างผลงาน เลวร้ายไม่ต่างจากเป็นเกาอ๋องคนที่สอง…

ศัตรูในราชสำนักยังพอว่า แม้แต่ราษฎรผู้โง่เขลาก็ช่างเถิด เพราะอธิบายความจริงให้ฟังไม่ได้ ผู้อื่นน่ะไม่เท่าไร แต่ที่จางเป่าไม่เข้าใจคือเหตุใดกระทั่งฮ่องเต้น้อยยังเหมือนเปลี่ยนไปจากแต่ก่อน ยอมปล่อยให้การโจมตีที่ไร้หลักฐานเช่นนี้เป็นดังลูกศรอาบยาพิษยิงใส่อ๋องผู้สำเร็จราชการดอกแล้วดอกเล่า

แต่เล็กจนโตฮ่องเต้น้อยเชื่อใจและยึดท่านอ๋องเป็นที่พึ่งมากกว่าใครทั้งนั้นไม่ใช่หรือ

เป็นเพราะอะไรกันแน่…

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

community.jamsai.com