ตอนที่ซู่เจี่ยนรู้ว่ามีเหตุผิดสังเกตที่ประตูทักษิณก็เป็นยามอิ๋นตรง ซู่เซิ่นฮุยออกจากตำหนักแล้ว กำลังอยู่ระหว่างทางมาวังหลวง
คนที่มารายงานเหตุให้เขารู้คือแม่ทัพกองทหารรักษาพระองค์คนปัจจุบัน…จย่าซิว อดีตหัวหน้าราชองครักษ์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปทดสอบฝีมือเจียงหานหยวนในสวนเหมยที่จวนเสียนอ๋องวันนั้น เขาเป็นคนสนิทของฮ่องเต้น้อย
เส้นทางที่อยู่นอกวังหลวงอยู่ใต้การกำกับดูแลของทหารองครักษ์กะกลางคืน พอเข้ารุ่งสางทหารองครักษ์ตัวเล็กๆ นายหนึ่งก็แอบส่งข่าวมาบอกว่าผู้บังคับบัญชาของตนอ้างเรื่องการศึกทางเหนือ บอกว่าต้องเพิ่มกำลังป้องกันกะทันหันไม่ให้สายลับของเป่ยตี๋แฝงตัวเข้ามาในฉางอันได้อีก
อันที่จริงไม่มีอะไร แต่ประตูทักษิณของวังหลวงเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของเขา อยู่ดีๆ ผู้บังคับบัญชากลับสั่งย้ายเขาไปที่อื่น เพราะเป็นคำสั่งจากเบื้องบน เขาจึงต้องปฏิบัติตาม ให้เวรยามชุดใหม่เข้าแทนที่ ทว่าหลังจากนั้นก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา
ต้องตระหนักว่าตามปกติแล้วการเปลี่ยนผลัดเวรยามกะทันหันในยามวิกาลเป็นสิ่งที่พบเห็นได้น้อยนักในพื้นที่เช่นประตูทักษิณ หากเกิดขึ้นเมื่อใดมักเป็นสัญญาณนำไปสู่เหตุอื่นเสมอ เขาเป็นทหารยามที่ทำงานมาหลายปี จึงแอบส่งข่าวเข้ามาบอกพร้อมถามว่าวังหลวงมีคำสั่งเช่นนี้จริงหรือไม่ จย่าซิวไม่รู้เรื่องเลยสักนิด พอได้รับข่าวก็รีบนำความมารายงานฮ่องเต้น้อยโดยไม่รอช้า
“เพราะฝ่าบาทไว้วางพระทัยให้ปฏิบัติงานสำคัญ เมื่อกระหม่อมมีวาสนาได้รับตำแหน่งใหม่ก็ทำตามที่ทรงพระบัญชา ลอบจับตามองสองกองกำลังของเฉินหลุนและหลันหรง รวมทั้งกองทหารองครักษ์กะกลางคืนต่างๆ นอกวังหลวงเป็นการลับ พร้อมกันนั้นยังติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ที่รู้จักกันมาแต่ดั้งเดิม ให้พวกเขาช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตา พบเห็นเรื่องผิดปกติเมื่อไรก็สามารถใช้ช่องทางลับส่งข่าวมาบอกได้ทุกเมื่อ ทหารนายนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นพ่ะย่ะค่ะ แม้ประตูทักษิณจะเป็นพื้นที่นอกวังหลวง แต่ก็เป็นทางที่เหล่าขุนนางต้องผ่านเวลาจะเข้าราชสำนัก องครักษ์กะกลางคืนผลัดเปลี่ยนเวรยามกะทันหันในครึ่งคืนหลัง ซ้ำวันนี้ราชสำนักยังมีประชุมใหญ่ กระหม่อมเกรงว่าจะเกิดเหตุ จึงรีบนำความมากราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
ซู่เจี่ยนตื่นนอนนานแล้ว กำลังเตรียมตัวสำหรับการประชุมราชสำนักในวันนี้เช่นกัน ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้ากราดเกรี้ยว สั่งให้จย่าซิวนำตัวหัวหน้าเวรยามประจำประตูทักษิณที่อยู่เวรเมื่อคืนมาสอบถามทันทีโดยไม่ต้องคิด
จย่าซิวหมุนตัวเดินออกไปปฏิบัติตามคำบัญชาอย่างเร่งด่วน ทันใดนั้นก็ได้ยินฮ่องเต้น้อยร้องเรียก “ช้าก่อน”
เขาชะงักเท้าทันควัน แล้วหันกลับมา เห็นผู้เป็นนายยืนนิ่งอยู่กับที่สักพักด้วยสีหน้าอ่านยาก จากนั้นก็โพล่งขึ้นว่า “เราจะออกไปดูเอง! อยากรู้นักว่าคนพวกนี้คิดจะทำสิ่งใดกันแน่!”
จย่าซิวรับคำสั่ง
ซู่เจี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าลวกๆ จังหวะที่กำลังจะเดินออกจากตำหนักบรรทมก็ได้ยินเสียงหนึ่งลอยมาเข้าหู “อีกนานกว่าจะถึงยามเหม่า ฟ้ามืดออกอย่างนี้ พวกขุนนางยังไม่ทันได้เข้าวังหลวงด้วยซ้ำ ฝ่าบาทจะเสด็จไปที่ใดกัน”
เด็กหนุ่มเงยหน้า คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา มีข้าราชบริพารสองคนถือโคมส่องทางนำหน้า ข้างหลังคือหลี่ไท่เฟยที่ให้ข้ารับใช้ประคองมาที่ตำหนักของเขา
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 21 ก.ย. 67