บทที่ 96
ยามอิ๋นหกเค่อโดยประมาณ ซู่เซิ่นฮุยที่เกาเฮ่อรอก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที บริเวณประตูทักษิณของวังหลวงดูสงบเรียบร้อยเหมือนเก่า ทว่าแท้ที่จริงแล้วตกอยู่ในความอลหม่าน ไม่ต่างจากใจเกาเฮ่อในเวลานี้ที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ซึ่งใกล้เคียงกับความสิ้นหวังเลยก็ว่าได้
เห็นชัดว่าข่าวรั่ว แผนการล้มเหลวเสียแล้ว
หลังความตื่นตระหนกช่วงสั้นๆ ผ่านพ้น เกาเฮ่อก็สงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะกล้าประมาทฝ่ายตรงข้าม ระหว่างรอให้การประชุมราชสำนักในวันนี้มาถึงเขาไม่กล้ามั่นใจเลยว่าแผนที่วางไว้จะต้องสำเร็จ สามารถจู่โจมฆ่าคนผู้นั้นให้ดับดิ้นหน้าประตูทักษิณได้
หากแผนการล้มเหลว ซู่เซิ่นฮุยจะต้องโจมตีกลับ และเฉินหลุนก็คือดาบคมกริบในมือเจ้าตัว
เกาเฮ่อเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้าเช่นกัน โดยส่งคนไปจับตามองเฉินหลุนกับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นการลับตั้งแต่เมื่อคืน เฝ้าระวังการเรียกใช้กำลังทหารใดๆ
เรื่องมาถึงขั้นนี้ การปะทะกันด้วยกำลังทหารเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ แค่ต้องดูว่าดาบในมือใครจะแข็งและคมกว่ากันเท่านั้น หลังแผนการตอนรุ่งสางล้มเหลวเขาก็เกร็งเครียดเตรียมพร้อม ขอเพียงเฉินหลุนมีความเคลื่อนไหวผิดปกติแม้เพียงนิดเดียว เขาจะเข้าไปขัดขวางโดยไม่ลังเลทันที โดยใช้เหตุผล ‘การระงับความพยายามก่อกบฏ’ ขึ้นบังหน้า
ปรากฏว่าทางเฉินหลุนเงียบสนิท ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่เพียงเท่านั้นซู่เซิ่นฮุยยังหายตัวไปด้วย ตามที่สายข่าวซึ่งซ่อนตัวอยู่แถวจวนอ๋องเมื่อคืนรายงานมา เช้ามืดวันนี้เจ้าตัวออกจากจวนมาวังหลวงตามกิจวัตรปกติจริงๆ
เช่นนั้นเมื่อออกมาแล้วชายหนุ่มไปที่ใด และคิดวางแผนทำสิ่งใดอยู่ลับๆ กันแน่
ระหว่างที่กำลังร้อนใจดังไฟลนเกาเฮ่อก็ได้รับข่าวว่าคนผู้นั้นเข้าวังหลวงเรียบร้อยแล้ว มิหนำซ้ำเวลานี้ยังอยู่ในตำหนักเซวียนเจิ้ง กำกับการประชุมราชสำนักเหมือนเช่นที่ผ่านมา
เกาเฮ่อไม่คาดคิดเลยสักนิดว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้
ราวกับเสยหมัดต่อยกองนุ่นเต็มแรงก็ไม่ปาน แผนการที่วางไว้ยุ่งเหยิงปั่นป่วนจนเขาตั้งตัวไม่ติด ที่ยิ่งกว่านั้นคือเดาไม่ออกว่าศัตรูคิดจะทำอะไรกันแน่
ซู่เซิ่นฮุยจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหรือ ไม่น่าเป็นไปได้
ในสถานการณ์เช่นนี้เกาเฮ่อจะกล้าทะเล่อทะล่าไปเข้าประชุมได้อย่างไรเล่า
ไม่ใช่แค่เขา เวลานี้ฮ่องเต้น้อยก็ยังไม่ปรากฏตัวเช่นกัน
เมื่อเช้าเด็กหนุ่มวิ่งไปถึงประตูทักษิณแล้วยืนเคว้งคว้างตรงนั้นอยู่นาน สุดท้ายถึงค่อยกลับตำหนักบรรทมด้วยอาการใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและปิดประตูเงียบ
ดูท่าวันนี้คงไม่คิดจะไปตำหนักเซวียนเจิ้งแล้ว
เจ้าตัวยังเด็ก เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นจะไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยตรงๆ ก็เป็นเรื่องปกติ
เกาเฮ่อไม่ใส่ใจสักนิดว่าตอนนี้ฮ่องเต้น้อยคิดอย่างไร เรื่องสำคัญเร่งด่วนคือต้องจัดการกับความยุ่งเหยิงที่เป็นเหมือนไฟไหม้ขนคิ้วอยู่ต่างหาก
หลังเสียงย่ำกลองบอกยามอิ๋น ระหว่างที่เหล่าขุนนางยืนชุมนุมรอเวลาเข้าประชุมหน้าตำหนักเซวียนเจิ้ง เกาเฮ่อกำลังหารือแผนรับมือที่ตำหนักหลี่ไท่เฟยอย่างร้อนรน เดิมทีเขาเรียกหลันหรงมาด้วย ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมมา บอกแต่เพียงว่าฮ่องเต้น้อยเสียขวัญอย่างมาก ตนต้องอยู่เคียงข้างเพื่อถวายอารักขา ขอให้เขาไม่ต้องพะวักพะวน ไม่ว่าจะใช้แผนใดรับมือ ตนก็เห็นชอบทุกอย่าง
เกาเฮ่อสบถออกมาดังลั่นตรงนั้น เพราะรู้ว่าหลันหรงเห็นท่าไม่ดี เดาได้ว่าเขาต้องดิ้นรนต่อ เลยไปหลบคลื่นลมอยู่ด้านหลังฮ่องเต้น้อยแล้วผลักไสทุกอย่างมาให้เขา
หลันหรงทำได้ แต่ตัวเขาไม่มีทางให้ถอยได้เลยจริงๆ