บทที่สี่
“ช้าก่อน”
เซี่ยฉางเกิงที่เมื่อครู่นิ่งเงียบไม่พูดจาโดยตลอดอ้าปากพูดในฉับพลัน
มู่เซวียนชิงหยุดฝีเท้า ทว่าไม่หันกลับไป
เซี่ยฉางเกิงมิได้มองดูสิ่งที่อยู่บนพื้น เขาเดินผ่านมันไปทางด้านข้าง
“ข้าเข้าใจความหมายของท่านอ๋องแล้ว ทุกถ้อยทุกคำที่ดุด่าว่ากล่าวล้วนถูกต้องอย่างที่สุด ข้าไม่คิดจะแก้ตัว อีกทั้งก็แก้ตัวไม่ได้ แต่เรื่องนี้มีความเข้าใจผิดกันอยู่บ้างจริงๆ ถ้าไม่พูดอธิบายให้กระจ่างจนทำลายไมตรีต่อกันไปเช่นนี้ เกรงจะผิดต่อคำสั่งสอนที่ท่านพ่อตาเอ่ยกับข้าในตอนประทานสมรสให้”
มู่เซวียนชิงผินหน้าไปช้าๆ มองเขาอย่างเย็นชา
“ขอเอ่ยตามตรงว่าข้าออกเดินทางมาที่นี่ทันทีที่กลับถึงเรือน นอกจากเพื่อเซ่นไหว้บรรพชนของสกุลมู่กับท่านอ๋องผู้ล่วงลับของแคว้นฉางซาแล้ว ยังต้องการรับตัวท่านหญิงกลับ…”
“ยังจะรับกลับไปไย” มู่เซวียนชิงเดือดดาลอย่างหนัก “หรือว่าหยามเกียรติกันขั้นนี้แล้ว เจ้ายังมองว่าไม่พอ?”
เซี่ยฉางเกิงมีสีหน้าเยือกเย็น
“หากข้าคิดไว้ไม่ผิด การที่ท่านอ๋องโกรธมากเช่นนี้ ต้นเหตุน่าจะมาจากมารดาของข้าเคยพูดเรื่องรับอนุกับท่านหญิง แต่ท่านอ๋องกลับทราบเพียงครึ่งๆ กลางๆ เพราะเรื่องนี้เกิดความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ข้าถึงจำเป็นต้องอธิบาย”
มู่เซวียนชิงแค่นเสียงแล้วไม่กล่าวคำใด
“เดือนที่แล้วข้ากลับถึงเรือน รู้ว่าท่านหญิงกลับสู่แคว้นฉางซาแล้ว ได้ยินจากคำบอกเล่าของบ่าวไพร่ในเรือนว่าครึ่งปีกว่ามานี้ท่านหญิงช่วยปรนนิบัติดูแลมารดาแทนข้าทุกเช้าเย็นโดยไม่ถือตัว ทั้งยังมีกิริยาดีเป็นแม่ศรีเรือนสมกับเป็นผู้ที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์ ได้รับเสียงชมเชยจากบ้านใกล้เรือนเคียงไม่ขาดปาก มาตรว่าการกลับสกุลเดิมจะกะทันหันไปบ้าง แต่เห็นทีว่าต้องมีเหตุผลที่ให้อภัยกันได้ขอรับ
ต้นเหตุของเรื่องนี้เกิดมาจากมารดาของข้า เมื่อครั้งเป็นเด็กหนุ่ม ข้าอกตัญญูจนเป็นเหตุให้มารดาต้องเดือดร้อนลำเค็ญ ในยามอับจน ท่านได้รับน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จากคนผู้หนึ่ง บัดนี้อีกฝ่ายสูญเสียทั้งบิดามารดา ตกอยู่ในภาวะยากลำบาก มารดาของข้าเห็นแก่ไมตรีในหนหลัง ทำให้ใคร่ครวญไม่รอบคอบไปชั่วขณะ ถึงได้ผลีผลามเอ่ยต่อหน้าท่านหญิงว่าจะรับสตรีคนนั้นเข้าเรือน แต่ตามคำบอกของมารดาข้า ตอนนั้นท่านหญิงก็ตกปากรับคำทันที”
เซี่ยฉางเกิงหยุดพูดเล็กน้อย
“มารดาของข้าไม่รู้หนังสือ วันๆ เก็บตัวอยู่ในเรือนหลัง ไม่ใคร่รู้จักโลกภายนอก ประกอบกับมีนิสัยเถรตรง พอเห็นท่านหญิงตอบตกลงก็มัวแต่ปีติยินดี คิดเพียงว่าท่านหญิงใจกว้างสนับสนุนตนให้สมหวัง ไหนเลยจะไตร่ตรองการกระทำนี้อย่างรอบคอบ วันที่ข้ากลับเรือนถึงได้รู้เรื่องนี้จากปากมารดา มิใช่ว่าข้าจะแก้ต่างให้ตนเอง ตอนนั้นข้าเองก็รู้สึกไม่เหมาะสม แต่หักใจขัดอารมณ์ของมารดาไม่ได้ ทั้งได้ยินว่าท่านหญิงรับคำอย่างใจกว้างแล้ว เลยคิดว่ารับนางกลับไปก่อนค่อยหารือกันอีกทีในวันหลัง”
เขาเอ่ยต่ออย่างสงบ