“หากเรื่องนี้เป็นเหตุให้ท่านอ๋องขุ่นเคือง คนผิดผู้นั้นก็คือข้าเอง เดิมทีได้ภรรยาเยี่ยงนี้เป็นวาสนาของข้าเซี่ยฉางเกิง เหนืออื่นใดยังมีบุญคุณของท่านพ่อตาที่เห็นความสามารถของข้า จนบัดนี้ข้ายังทดแทนได้ไม่ถึงหนึ่งในหมื่นส่วนเลย ท่านอ๋องวางใจได้ ต่อจากนี้สมควรทำอย่างไรข้ารู้แก่ใจดี รอเมื่อรับท่านหญิงกลับไปแล้ว ข้าจะขอขมาต่อนางแทนมารดาเองขอรับ”
เขาเพ่งมองมู่เซวียนชิงด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
มู่เซวียนชิงกล่าวเน้นทีละคำ “เซี่ยฉางเกิง! เจ้าหาใช่คู่ครองที่เหมาะสมกับน้องสาวข้า ในเมื่อนางกลับมาเองแล้ว เจ้าจะเล่นลิ้นคารมอย่างไรก็อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยให้น้องสาวข้าตามเจ้ากลับสกุลเซี่ยอีก”
“คำกล่าวนี้ของท่านอ๋องข้าไม่อาจเข้าใจได้แล้ว การแต่งงานเป็นการเกี่ยวดองของสองตระกูล มิใช่เรื่องเล่นสนุก”
เขาเหลียวมองไปรอบศาลบรรพชนสกุลมู่แล้วหยุดสายตาที่ป้ายวิญญาณของอดีตฉางซาอ๋อง
“ไม่สำคัญว่าท่านอ๋องจะคิดเห็นเช่นไรกับข้า แต่การแต่งงานระหว่างข้ากับน้องสาวของท่านถือเป็นการตัดสินใจโดยท่านพ่อตา ธรรมเนียมสามแม่สื่อหกพิธี* ก็ไม่ตกหล่นแม้แต่อย่างเดียว พูดว่าจะตัดขาดก็ตัดขาดดูเป็นวิสัยของเด็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ จริงอยู่ว่ามารดาของข้ามีส่วนผิดที่ล่วงเกินท่านหญิงให้ขุ่นเคืองใจ แต่ก็เป็นแค่วาจาไม่เหมาะสม ยังไม่ได้กระทำเรื่องใดๆ ที่ออกนอกลู่นอกทางจริงๆ คนมิใช่เทวดา ใครบ้างไม่เคยทำผิด เหนืออื่นใดมารดาข้าก็เป็นแค่หญิงชราในชนบทคนหนึ่ง ท่านอ๋องมาไล่เลียงคาดคั้นเช่นนี้ ออกจะเป็นการไม่เห็นใจผู้อื่นกระมัง”
เขายังคงยกยิ้มน้อยๆ ดุจเก่า ทว่าเน้นน้ำเสียงหนักขึ้นหลายส่วน แฝงด้วยอำนาจ
มู่เซวียนชิงทำสีหน้าขึงตึงสุดจะเปรียบ สายตาเขาจับจ้องบุรุษในชุดดำที่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยเบื้องหน้า นานครู่ใหญ่ถึงเอ่ยอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เซี่ยฉางเกิง เจ้าหน้าหนาประจบสอพลอเพื่อยศตำแหน่งได้ก็ช่างเถิด แต่ยังเอาตัวลงไปเกลือกกลั้วมั่วสุมสมคบกับคนชั่วอีก! เจ้าพึ่งบารมี…”
“ท่านอ๋องเจ้าคะ”
ในเวลานี้เอง เสียงของสตรีนางหนึ่งก็ดังมาจากนอกศาลบรรพชนตัดบทมู่เซวียนชิง
เซี่ยฉางเกิงเบนสายตาไป
ตรงบันไดด้านนอกมีสตรีวัยสาวซึ่งออกเรือนแล้วในชุดหรูหรายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ โฉมงามเฉิดฉัน ท่วงท่าสง่าภูมิฐาน นางคือลู่ซื่อชายาของเจ้าแคว้นฉางซานั่นเอง
ลู่ซื่อยับยั้งคำพูดด้วยความโกรธเกรี้ยวของสามีไว้ได้ทันการณ์ สาวเท้าเดินมาพลางลอบส่งสายตากับสามี จากนั้นก้าวข้ามธรณีประตูไปหยุดอยู่ตรงหน้าเซี่ยฉางเกิง อมยิ้มกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเซี่ยเดินทางมาไกล แคว้นฉางซาของเราให้การต้อนรับไม่ทั่วถึง หากมีสิ่งใดเสียมารยาทไป โปรดอภัยด้วย”
เซี่ยฉางเกิงยกยิ้มบางๆ คำนับทักทายลู่ซื่อ
“ได้พบหน้าชายาเจ้าแคว้นฉางซาก็ถือเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวงของข้าแล้ว จะพูดว่าเสียมารยาทได้อย่างไรเล่าขอรับ”
ลู่ซื่อค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการคารวะตอบ
“ผู้บัญชาการเซี่ยใจคอกว้างขวางเช่นนี้เป็นที่เลื่อมใสของข้านัก ท่านตรากตรำเดินทางมา เห็นทีคงเหนื่อยล้าแล้ว เชิญท่านไปพำนักที่จุดพักม้าชั่วคราว ราตรีนี้ท่านอ๋องเตรียมจัดงานเลี้ยงในวังเพื่อต้อนรับการมาเยือนของท่าน สำหรับเรื่องของน้องสาวท่านอ๋อง…”
นางหยุดเว้นจังหวะ
“ผู้บัญชาการเซี่ยโปรดใจเย็นก่อน ไว้ค่อยหารือกันทีหลัง ไม่ทราบว่าท่านเห็นเป็นเช่นไร”
เซี่ยฉางเกิงยิ้มบางๆ “ขอบคุณมากจริงๆ เช่นนั้นก็ขอรบกวนแล้วขอรับ”
ชายหนุ่มหุบยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาหมุนกายไปคุกเข่าลงคำนับป้ายวิญญาณของฉางซาอ๋องผู้ล่วงลับอีกครั้งแล้วลุกขึ้นก้าวเท้าข้ามธรณีประตูเดินดุ่มๆ จากไป