แสงไฟส่องสะท้อนกับนัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายรำไร สายตาของนางจับอยู่ที่มันนิ่งๆ นานสองนานถึงยกมือขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาวขยับเข้าไปใกล้เปลวเทียนช้าๆ ราวกับไม่รู้ตัว
ผิวเนื้อโดนเปลวไฟแลบเลียทีหนึ่ง
ความเจ็บปวดปนแสบร้อนน้อยๆ แผ่ลามจากปลายนิ้วไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว แต่คล้ายว่ามู่ฝูหลันปราศจากความรู้สึกใดๆ มีเพียงแววปวดร้าววาบผ่านดวงตาหม่นแสงของนางไป
นางคิดถึงซีเอ๋อร์ของนางอีกแล้ว
ลูกคนเดียวของนางที่นางรักมากที่สุด ตอนนางจบชีวิตเขาเพิ่งสามขวบเท่านั้น
ไยนางจะหักใจทอดทิ้งเขาได้ลงคอ ด้วยความห่วงหาอาลัย วิญญาณของนางจึงไม่ยอมไปที่ใด สิงสถิตอยู่ในดวงประทีปที่ไม่มีวันดับหน้าป้ายวิญญาณเหนือแท่น
สิบปีอันยาวนานมีเพียงความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด และความโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวคอยกัดกินหัวใจ
นางมองดูเขาสมปรารถนาได้ก้าวขึ้นครองแผ่นดิน มองดูเขาเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจ โดดเด่นทั้งในฐานะนักปกครองและนักรบ แล้วก็มองดูเขามีเหล่าสนมชายาโฉมงามละลานตา
แต่เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางโดยสิ้นเชิงแต่แรก จิตใจของนางเป็นดั่งผิวน้ำนิ่งสนิทมานานแล้ว
การที่นางดึงดันไม่ยอมจากไปเพราะความอาวรณ์เพียงประการเดียว เพื่อว่าวันหนึ่งนางจะได้เห็นซีเอ๋อร์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยตาตนเอง เมื่อนั้นนางก็จะจากไปอย่างหมดห่วง
ทว่าท้ายที่สุดสิ่งที่รอนางอยู่กลับเป็นภาพที่ทำให้หัวใจนางแหลกสลายไม่เหลือชิ้นดี
ไหนเลยความเจ็บปวดจากการโดนไฟร้อนลวกที่ปลายนิ้วนี้จะเทียบได้กับความปวดร้าวยามเห็นซีเอ๋อร์ปาดคอตายต่อหน้าต่อตา
ตรงกลางอกคล้ายถูกบีบรัด นางรู้สึกว่าตนเองหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
นางลุกพรวดขึ้นยืน ยกมือผลักบานหน้าต่างเปิดออก
สายลมหนาวเหน็บเสียดแทงกระดูกพัดกรูมาปะทะใบหน้า
นางยืนอยู่ริมหน้าต่างพลางหลับตาลง แหงนคอมองท้องนภาที่มืดมิด สูดอากาศเย็บเฉียบเข้าไปลึกๆ เฮือกหนึ่ง
ทั้งที่จงใจไม่ยอมคิดเรื่องอดีตมากเกินไปอีก แต่ราวกับว่าพอความเจ็บตรงปลายนิ้วแทรกลึกถึงกลางใจก็พลันแตกทะลักทลายออกมา
ทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ประหนึ่งเข็มมากมายที่กระหน่ำทิ่มแทงตามอวัยวะภายในของนางโดยไม่ยั้ง
การพบกันครั้งแรกของมู่ฝูหลันและเซี่ยฉางเกิงเกิดขึ้นตอนนางเดินทางสู่เขาจวินซานในฤดูใบไม้ผลิปีที่อายุสิบสามปี
หลังจากมารดาของนางล่วงลับไปหลายปี สุขภาพของบิดาก็ทรุดลงเรื่อยๆ สร้างความกังวลใจให้เด็กสาวตัวน้อยเสมอ
วันนั้นนางนั่งเรือไปหาอาจารย์ที่เขาจวินซานเพื่อถามไถ่เรื่องอาการป่วยของบิดา และถือโอกาสขอคำชี้แนะเกี่ยวกับสมุนไพรด้วย
นางมาถึงกระท่อมโอสถของอาจารย์ กลับได้รู้จากอาต้าว่ามีแขกมาเยี่ยมเยือนอาจารย์อยู่
ตามคำบอกเล่าของอาต้า ผู้มาเยือนเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนตอนอาจารย์ออกไปท่องโลกเคยประสบอันตรายแล้วได้เขาช่วยไว้ ทั้งสองถูกชะตากันอย่างยิ่ง ผูกไมตรีเป็นสหายต่างวัยคอยไปมาหาสู่กัน