นางถึงกับมิได้สวมถุงเท้า เท้าเล็กๆ น่ารักเปลือยเปล่าขาวกระจ่างทั้งสองข้างวางบนพรมโดยไร้สิ่งปกปิด ละม้ายลูกนกพิราบนอนสงบนิ่งอยู่บนพื้นหิมะคู่หนึ่ง นอกจากจะงดงามแล้ว สำหรับมวลหมู่บุรุษยังแอบแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ชวนวาบหวามใจในอีกทางหนึ่ง
ประกายตาของเซี่ยฉางเกิงแรงกล้าขึ้น เขาจ้องมองสองเท้าของนางครู่หนึ่งถึงดึงสายตาคืนกลับมา เดินเข้าไปยื่นมือหยิบหนังสือในมือนางมาวางลงด้านข้าง
“เจ้าก็คือมู่ซื่อ?”
เขาก้มลงมองหญิงงามบนตั่งพลางไต่ถาม
มู่ฝูหลันยังนั่งพิงอยู่ที่เดิม ช้อนตาขึ้นสบกับเขาทว่าไม่พูดตอบ
กิริยาท่าทางของนางเมินเฉยสุดจะเปรียบทำนองเดียวกับพี่ชายของนางคนนั้น
หลังจากมาถึงแคว้นฉางซา แม้เซี่ยฉางเกิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาต่างๆ นานา ถึงขั้นโดนมู่เซวียนชิงบริภาษด่าทอจนกระทั่งน้ำลายแทบกระเด็นใส่หน้า แต่เขาก็รักษาความเยือกเย็นไว้ได้ มิได้บันดาลโทสะสักน้อยนิด
มีเพียงชั่วขณะนี้ที่มองเห็นสตรีสกุลมู่ผู้นี้แสดงท่าทีเช่นนี้กับตน ในใจเขาพลันบังเกิดความไม่สบอารมณ์ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาเพิ่งกลับถึงเรือนแล้วได้รู้ว่าภรรยาที่แต่งงานกันได้ไม่กี่เดือนจากไปโดยไม่บอกกล่าว
กระนั้นสีหน้าของเขากลับดูอ่อนละมุนลง
เขาเพ่งมองดวงตาคู่งามของหญิงสาวพลางนั่งลงข้างกายนางอย่างช้าๆ
“มู่ซื่อ ในคืนเข้าหอข้าไม่สมควรทอดทิ้งเจ้าแล้วจากไป แต่เจ้าก็รู้ว่าพระบัญชาของฮ่องเต้ขัดขืนไม่ได้ ข้าไม่อาจกระทำตามใจตน เดือนก่อนยามที่ข้ากลับเรือนมา เจ้ากลับไม่อยู่…”
เซี่ยฉางเกิงหยุดเว้นจังหวะแล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ข้ารู้ว่าท่านแม่ข้าทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ อันที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องถือสาเรื่องของสตรีสกุลชีถึงเพียงนี้เลย ถ้าเจ้าไม่ยินยอม เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะขัดใจเจ้า ดึงดันรับคนเข้าเรือน เหนืออื่นใดเดิมทีข้าก็ปราศจากความคิดนี้ เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน ต่อให้เจ้าไม่พอใจปานใด เพียงรอข้ากลับเรือนแล้วจะมีอะไรพูดคุยกับข้าไม่ได้เล่า”
มู่ฝูหลันคลี่ยิ้ม แต่ไม่พูดตอบเขาดังเก่า
รอบห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
เซี่ยฉางเกิงยื่นมือไป เอาฝ่ามือที่ผิวสากกร้านน้อยๆ วางทาบบนหลังเท้าเปลือยเปล่าข้างหนึ่งที่อยู่นอกชายกระโปรงผ้าไหมของนาง
เขาค่อยๆ บีบฝ่ามือเข้าหากัน กุมเท้าขาวกระจ่างแล้วบีบเบาๆ ทีหนึ่ง
“หลันเอ๋อร์…”
เขาเรียกขานอีกชื่อหนึ่งของนางด้วยเสียงทุ้มต่ำอย่างสนิทสนม
มู่ฝูหลันพับขาแล้วหดเท้าเปลือยเปล่ากลับไป เท้าหลุดออกจากฝ่ามือชายหนุ่มเสมือนลูกปลาที่ลื่นไหลตัวหนึ่ง
นางดึงชายกระโปรงลงปิดคลุมสองเท้าไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้โผล่ออกมาแม้แต่น้อย
เซี่ยฉางเกิงเห็นกิริยาอาการของนางแล้วนัยน์ตาก็เป็นสีเข้มขึ้น ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงเบาๆ คราหนึ่ง เขาชักมือกลับ เปลี่ยนเป็นยกแขนดึงปิ่นทองที่ปักบนมวยผมนางออก
เรือนผมยาวสลวยทั้งศีรษะแผ่สยายลงมาดุจน้ำตก
เขาจับปอยผมดำลื่นๆ เย็นๆ ของนางไว้พร้อมกับโอบร่างนุ่มนิ่มที่นั่งหันข้างอยู่เข้ามาในวงแขน ใบหน้าคมคายขยับเข้าไปใกล้จนริมฝีปากชิดใบหูของนาง เขากล่าวเสียงกระซิบ “หลันเอ๋อร์ อย่าโกรธเลยนะ ครั้งนี้เป็นข้าทำผิดต่อเจ้าจริงๆ ข้าเพิ่งกลับถึงเรือนก็มาที่นี่ทันที ตั้งใจจะมารับเจ้าโดยเฉพาะ พรุ่งนี้ตามข้ากลับไปเถอะ หลังจากนี้ไม่ว่าเรื่องใดล้วนหารือกันได้”
มู่ฝูหลันออกแรงผลักเขาออกกะทันหัน นางแค่นเสียงเยาะแล้วอ้าปากพูดเป็นคำแรกในคืนนี้
“เซี่ยฉางเกิง ท่านไม่ส่องคันฉ่องบ้างรึ ท่านนึกว่าตนเองมีดีอะไรนักหนา ข้าถึงต้องอยากเป็นสามีภรรยากับท่านถึงเพียงนั้น!”
ชายหนุ่มนั่งหมิ่นๆ ตรงริมตั่งคนงามอยู่แต่เดิม เขาไม่ทันระวังตัวก็โดนนางใช้สองมือผลักตกจากตั่งจนล้มลงไม่เป็นท่า
เขาเงยศีรษะขึ้นช้าๆ เห็นนางหันหน้ามามองดูตนทางหางตา
ดวงหน้างามดุจหยกสลักลวงคนทุกผู้นามให้ลุ่มหลงงมงาย ง่ายดายประหนึ่งเป่าเศษธุลี
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 03 มี.ค. 64