“ท่านพ่ออดทนข่มกลั้นไว้เพื่อปกปักรักษารากฐานของสกุลมู่ ยังตอบตกลงการสู่ขอของคนแซ่เซี่ยผู้นั้น ยกเจ้าให้กับเขา ในเวลาเดียวกันนั้นท่านพ่อยังผลักดันเขาเข้าสู่เส้นทางขุนนาง คาดหวังจะอาศัยกำลังของเขาคุ้มครองอาณาเขตรอบแคว้นฉางซาให้ร่มเย็นเป็นสุข แต่ตอนนี้คนแซ่เซี่ยกลับถูกไทเฮาชั่วดึงตัวไปเป็นพวก และมีความใกล้ชิดกับนาง ไทเฮาชั่วยังอ้างเหตุผลกวาดล้างเจ้าแคว้นที่แข็งข้อเพื่อให้แคว้นฉางซาเราโดดเดี่ยวไร้พันธมิตรมาโดยตลอด เป็นการกำราบนัยๆ ท่านพ่ออาจทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหว ความแค้นของอาหญิงช้าเร็วข้าต้องสะสางให้ได้สักวัน คำพูดเมื่อครู่ของข้าก็มิใช่อารมณ์ชั่วครู่อย่างแน่นอน”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง ก่อนมู่เซวียนชิงจะเอ่ยต่อว่า
“ตอนนั้นคนแซ่เซี่ยต้องการหลุดพ้นจากฐานะโจรร้ายถึงมาขอเกี่ยวดองกับสกุลมู่ ตอนนี้ยังยินยอมพร้อมใจเป็นสุนัขรับใช้ของไทเฮาชั่วเพื่อยศถาบรรดาศักดิ์อีก เขาไม่มีทางเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับสกุลมู่เราได้แน่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่ายามนี้ถึงกับไม่ให้เกียรติเจ้าแล้ว เมื่อก่อนเป็นเพราะเจ้าอยากแต่งงานกับเขา ในเมื่อขณะนี้เจ้าเปลี่ยนใจแล้ว ต่อให้ข้ามู่เซวียนชิงจะไร้ความสามารถเพียงใด ก็จะไม่บังคับให้เจ้าฝากชีวิตไว้กับคนไร้สำนึกพรรค์นั้น!”
ในตอนท้ายเขาเอ่ยขึ้นว่า
“น้องพี่ เจ้าวางใจได้ รอคนแซ่เซี่ยมาถึง พี่จะพูดกับเขาให้รู้เรื่องแทนเจ้าเอง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปพี่จะใช้กำลังความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่สร้างความเกรียงไกรให้แคว้นฉางซา ปกป้องน้องสาวข้าไม่ให้ได้รับความคับข้องหมองใจใดๆ อีก”
ท่านอ๋องหนุ่มมีสีหน้าฮึกเหิม สองตาฉายประกายแรงกล้ายามลั่นวาจาอย่างฉะฉานหนักแน่น แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวอย่างหาที่เปรียบมิได้ของเขา รวมถึงความหยิ่งทะนงและกล้าหาญเฉพาะตัวของลูกหลานเชื้อพระวงศ์ให้ปรากฏชัดยิ่งขึ้น
กระแสอุ่นไหลรินผ่านกลางอกมู่ฝูหลันระลอกหนึ่ง
เซี่ยฉางเกิงมีอายุเท่ากับพี่ชายของนาง เพียงแก่กว่าไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่จิตใจลึกล้ำขั้นใด มีความอดทนข่มกลั้นปานใด และเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายเพียงไร บนแผ่นดินนี้อาจจะไม่มีใครคนใดชัดแจ้งไปมากกว่านางแล้ว
ไม่สำคัญว่าถึงเวลามู่เซวียนชิงจะช่วยไล่เซี่ยฉางเกิงกลับไปให้นางได้จริงๆ หรือไม่ เพราะแค่ความรักใคร่ทะนุถนอมที่พี่ชายกับพี่สะใภ้มีต่อนางก็ถือเป็นสิ่งทดแทนแสนล้ำค่าหลังจากสูญเสียลูกในไส้ที่รักยิ่งไปตลอดชาติ
นับแต่นี้นางจะทุ่มเทแรงกายแรงใจปกป้องสิ่งที่สำคัญและมีค่าต่อนางเหล่านี้ไว้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ พี่เซวียนชิง พี่สะใภ้”
นางเพ่งมองพี่ชายกับพี่สะใภ้เบื้องหน้าพลางกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ครึ่งเดือนต่อมา ขุนนางกรมพิธีการของแคว้นฉางซาได้รับข่าวอีกครา
เซี่ยฉางเกิงผู้บัญชาการกองทัพเหอซี หรือสามีของท่านหญิงจะเดินทางมาถึงเมืองเยวี่ยในอีกสามวันให้หลัง
ตอนกรมพิธีการเริ่มลงมือจัดเตรียมพิธีต้อนรับแขกผู้ทรงเกียรติ กลับได้รับบัญชาจากท่านอ๋อง
ท่านอ๋องมีบัญชาให้พวกเขาไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น
ไม่ยับยั้งการมาเยือนของเซี่ยฉางเกิง แต่ก็ไม่เตรียมการต้อนรับใดๆ
ขุนนางกรมพิธีการฉงนใจยกใหญ่