ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน โจรหญิงอย่ามาเย้า บทที่ 1-บทที่ 2
“ใช่! สำหรับทุกคนในค่ายอูเจียงแล้ววันนั้นถือเป็นวันที่เต็มไปด้วยความหวัง เดิมทีพวกเขาก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่อยู่ในกฎระเบียบ แต่ขุนนางท้องที่กลับรับสินบน ทำผิดกฎหมาย ทำให้พวกเขายากจนข้นแค้น ผู้คนมากมายไม่มีข้าวจะกิน เก็บภาษีแพง และบีบคั้นจนผู้คนอดอยากปากแห้ง ต้องขายที่ดิน ขายบ้าน ท้ายที่สุดก็ต้องขายภรรยาและลูก บีบบังคับจนชาวบ้านอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องรวมตัวกันเป็นโจรไปลักขโมยข้าวสารอาหารแห้งจากขุนนาง นี่เรียกว่าขุนนางบีบคั้น ชาวบ้านต่อต้าน หากพวกเขากินอิ่มนอนหลับใครจะอยากเป็นโจร”
กวนอวิ๋นซีเห็นฉู่เหิงจือแสดงสีหน้าไม่คาดฝันก็ยิ้มเย็นพลางเอ่ยต่อไปว่า “เดิมทีนึกว่าพอเปลี่ยนขุนนางแล้วพวกเขาจะดีกับชาวบ้านสักหน่อย ขุนนางคนนั้นยังบอกว่านี่ล้วนเป็นความผิดของขุนนางคนก่อน ขอเพียงบรรดาโจรยอมสวามิภักดิ์ต่อทางการ ทางการก็จะยอมให้ความยุติธรรมแก่ชาวบ้าน ใครจะไปรู้ว่าหมาป่าตัวหนึ่งเพิ่งจากไปก็มีเสืออีกตัวมาอีก ขุนนางคนก่อนเพียงละโมบอยากได้เงินของชาวบ้าน แต่คนนี้กลับต้องการชีวิตพวกเขา”
ครั้นกวนอวิ๋นซีเอ่ยมาถึงตรงนี้นางก็จ้องมองฉู่เหิงจือ ไม่พูดอะไรอีก หมุนกายเตรียมจะจากไป
ที่นางเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฉู่เหิงจือฟังเพราะนางมีเหตุผล
ข้อแรก นางเดาว่าที่ฉู่เหิงจือมายังอี้จวงในยามวิกาล เขาจะต้องกำลังสืบอะไรอยู่แน่ ภายในอี้จวงล้วนมีแต่ศพของบรรดาพี่น้องโจรภูเขา ดังนั้นนางเดาว่าสิ่งที่ฉู่เหิงจืออยากจะตรวจสอบจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับการปราบกลุ่มโจรในครั้งนี้
ข้อที่สอง นางได้พึ่งฐานะของคุณหนูสกุลกวน ทำให้นางได้รู้ว่าบิดาของฉู่เหิงจือยังเป็นเสนาบดีกรมอาญา ขุนนางขั้นสอง…
เหตุที่ฉู่เหิงจือมาสำรวจในอี้จวงยามค่ำคืนอาจจะเป็นคำแนะนำจากใต้เท้าฉู่ นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่นางเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฉู่เหิงจือฟัง
ยามที่นางยังเป็นหัวหน้าใหญ่ นางไม่มีปัญญาเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ขุนนางฟัง ยามนี้นางกลายเป็นคุณหนูสกุลกวนแล้ว เช่นนั้นนางก็จะใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบนี้
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าบุตรสาวสกุลกวนจะติดต่อกับหัวหน้าใหญ่ของโจรด้วย?”
นางชะงักฝีเท้า ไม่ได้หมุนกายมา เพียงหันหน้ามามองเขาแล้วยิ้มเย็นพลางเอ่ย “ในสายตาราชสำนัก นางเป็นแค่โจร แต่ในสายตาของชาวบ้าน ข้อแรก นางไม่ลักขโมยของชาวบ้าน ข้อที่สอง นางไม่ทำร้ายชาวบ้าน สมบัติที่นางขโมยล้วนเป็นของขุนนางทุจริตที่มั่งคั่งร่ำรวยเพราะยึดสิ่งเหล่านั้นมาจากชาวบ้าน นางแค่ใช้อุบายแย่งชิงกลับมาให้ก็เท่านั้น แต่คนที่สวมหมวกขุนนางสวมชุดขุนนางพวกนั้นกลับมาขูดรีดเลือดเนื้อ ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น ท่านว่าใครกันแน่ที่เป็นโจรตัวจริง”
ครั้นเห็นว่าเขามองมาที่นางอย่างเงียบงันไม่พูดไม่จาอะไร นางก็ไม่คิดจะแยแสเขาอีก เดินจากไปเสียเอง
ฉู่เหิงจือไม่พูดอะไรอีก ภายใต้ดวงจันทรา เงาร่างสองร่าง คนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้า อีกคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหลัง เดินตามกันไปอย่างเงียบๆ
เขาทอดสายตามองเงาของนางแล้วดำดิ่งเข้าสู่การใคร่ครวญ
เขาไม่เอ่ยปาก นางก็ไม่มีใจจะไปสนเขา ค่ำคืนนี้เป้าหมายของนางสำเร็จลุล่วงแล้ว
ทั้งสองคนหลีกจากพวกทหารลาดตระเวนกลับเข้ามาในตัวเมือง ยามที่นางนึกว่าเขาจะเงียบเช่นนี้ต่อไป จู่ๆ เขากลับเอ่ยปาก
“เจ้าไม่กลัวเรื่องคืนนี้จะถูกลือออกไปหรือ”
นางหันมามองเขา จู่ๆ ก็ยกมุมปากขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์เป็นที่สุด
“หากลือออกไปข้าก็จะบอกทุกคนว่าคืนนี้ข้านัดคุณชายฉู่ออกมาพบตามลำพัง พลอดรักกันใต้แสงจันทร์”
ฉู่เหิงจือตะลึงงันไปพลันร้องฮึเสียงเย็น
“พูดแค่ปาก ไม่มีหลักฐาน เจ้าคิดว่าคนอื่นจะเชื่อหรือ”
“หากข้ามีหลักฐานเล่า ถึงจะไม่เชื่อก็ต้องมีคนสักแปดส่วนที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง” นางชูพัดในมือแกว่งไปมา
ครั้นฉู่เหิงจือเห็นพัดด้ามนั้นก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ รีบคลำหาที่เอวของตัวเองทันที พัดจีบของเขาไปตกอยู่ในมือนางได้อย่างไร
“เจ้า…”
ก่อนที่เขาจะได้ลงมือนางก็แตะปลายเท้ากระโจนตัวขึ้นไปบนกำแพงสูงของจวนสกุลกวนแล้ว นางเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนหวาน ชูพัดขึ้นสูง โบกไปทางเขาด้วยความรักอันลึกซึ้ง
“คุณชายฉู่วางใจ ข้าจะเก็บพัดเล่มนี้ไว้อย่างดี ขอบคุณคุณชายฉู่มากที่มาส่ง” พอพูดจบนางยังทำท่าทางเหนียมอาย เก็บพัดเข้าไปไว้ในอ้อมกอด
ใช่แล้ว นางเตรียมกลอุบายนี้ไว้แต่แรก วรยุทธ์ของนางอาจจะสู้เขาไม่ได้ ทว่าจะชิงอะไรบนร่างเขามานั้นไม่ใช่ปัญหาแน่นอน จนกระทั่งตอนนี้ถึงค่อยเปิดเผยออกมา เพราะรู้แล้วว่ายามนี้มาถึงจวนสกุลกวน แม้ฉู่เหิงจือจะเดือดดาลเพียงใดเขาก็คงไม่กล้ามาแย่งพัดจากนางแน่ นอกจากเขาจะอยากป่าวประกาศให้ผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินได้รู้ว่าดึกดื่นค่ำมืดพวกเขาไม่ยอมหลับยอมนอน นัดพบกันข้างนอก แล้วยังจะดึงดันยื้อยุดกันเพียงเพื่อพัดเล่มเดียว พอถึงเวลานั้นถึงเขาจะกระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็ชำระไม่หมด
คุณชายสูงศักดิ์อย่างเขาให้ความสำคัญกับเกียรติยศและชื่อเสียงเป็นที่สุด เขาคงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้จึงทำได้เพียงจ้องมองนางอย่างเย็นเยียบ ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ค่ำคืนนี้นางได้รับชัยชนะในการออกศึก เสร็จสิ้นภารกิจอันสำคัญ ในที่สุดนางก็ได้เวลานอนเต็มอิ่มแล้ว
ฉู่เหิงจือจ้องสตรีที่ยิ้มได้ใจนางนั้น ภายใต้แสงจันทร์ รอยยิ้มของนางทั้งเจ้าเล่ห์ งดงาม และน่าชิงชังเป็นที่สุด ทว่ากลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างอธิบายไม่ได้
เขาทอดสายตามองนางอย่างเงียบงัน กระทั่งเงาร่างนั้นหายเข้าไปภายในกำแพง เขายืนอยู่ตรงนั้นอีกสักครู่แล้วค่อยหมุนกายเดินจากไป
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 ก.พ. 65 เวลา 12.00 น.