ยามนี้จู่ๆ เหล่าองครักษ์ที่ล้อมไว้ทุกด้านก็แยกกลุ่มออกเป็นสองแถวจนเกิดพื้นที่ว่างตรงกลางขึ้น เงาร่างสูงใหญ่ก้าวมาอย่างสุขุมจากทางอีกฝั่งหนึ่ง
ร่างเขาสูงตระหง่านราวปลายดาบที่ตั้งตรง คิ้วคมคาย ดวงตาเป็นประกาย ท่าทางเย็นชา ร่างนั้นแผ่ไอความกดดันออกไปทั่วบริเวณ ดูน่าเกรงขามยิ่งนักแม้ไม่ได้บันดาลโทสะ จนไม่มีผู้ใดตรงนั้นกล้าส่งเสียงสักคำ
หร่านเจียง!
เหมียวลั่วชิงก้มหน้างุดพลางถอยหลังก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว นางยืนหลบอยู่ด้านหลังกลุ่มคน ซ่อนตัวเสียมิดชิด ด้วยฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนจากหลายชาติก่อนเป็นผลให้นางเกิดความหวาดกลัวอันไร้รูปต่อหร่านเจียง นางหลบเขาราวกับหลบอสรพิษร้าย
หร่านเจียงก้าวเดินมายังเบื้องหน้าชิวเยวี่ย สายตาเย็นยะเยือกกวาดมองทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแวบหนึ่ง
“ใครส่งเจ้ามา หากยอมสารภาพแต่โดยดีข้าจะลงมือประหารเจ้าอย่างฉับไว เหลือสภาพศพที่สมบูรณ์ไว้ให้เจ้า และข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาส่งเจ้าไปยังคุกอาญาหลวง*”
ครั้นเข้าไปในคุกอาญาหลวงขององครักษ์เสื้อแพรแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับการลงนรก ภายในห้องขังจะลงโทษอย่างโหดเหี้ยมทารุณ แม้แต่โจรผู้ร้ายที่ฆ่าคนเป็นผักปลาก็ยังนึกหวาดผวา
สายตาชิวเยวี่ยสบกับแววตาเย็นยะเยือกนั้น นางเพียงยิ้มเย็นชั่วครู่ แค่มองจากสายตาที่ไม่ยอมศิโรราบของนางก็ตระหนักได้แล้วว่านางไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาแน่
ครั้นหร่านเจียงเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเย็นตอบกลับ ยื่นมือซ้ายไปด้านข้าง องครักษ์คนหนึ่งมอบดาบให้เขาทันที เขากำดาบไว้แล้วค่อยๆ เยื้องย่างไปเบื้องหน้า ตัวดาบส่องแสงเย็นเยียบภายใต้ดวงตะวัน
หร่านเจียงไม่พูดพร่ำใดๆ ทั้งสิ้น เขาเอียงปลายดาบแล้วค่อยๆ แล่เนื้อหนังตรงหัวไหล่ของชิวเยวี่ยออกมาชิ้นหนึ่ง
ใช่แล้ว ค่อยเป็นค่อยไป เขาแล่เนื้อเถือหนังของชิวเยวี่ยราวกับหั่นเนื้อหมูพลางซักถามอย่างเยือกเย็นว่า “เจ้าจะยอมรับสารภาพหรือไม่”
ชิวเยวี่ยถูกจับคางไว้ นางจึงไม่อาจกรีดร้องออกมายามที่ดาบกรีดลงไปบนเนื้อหนัง นางทำได้เพียงครวญครางอย่างทรมานผ่านทางลำคอ สีหน้าของนางโกรธแค้น แสดงออกว่ากำลังทนทรมานอยู่
มีเพียงเหล่าองครักษ์ที่สีหน้าไม่เปลี่ยน พวกบ่าวไพร่ทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ต้องกลั้นหายใจเอาไว้
ชิวเยวี่ยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม มือทั้งสองข้างของนางถูกองครักษ์มัดไว้มิอาจขยับเขยื้อน ทำได้เพียงปล่อยคนฆ่าแกง
ดาบในมือของหร่านเจียงเฉือนเนื้อทางซ้ายชิ้นหนึ่ง ทางขวาชิ้นหนึ่ง ทุกครั้งที่ตัดเนื้อชิ้นหนึ่งก็จะถามประโยคหนึ่งว่าจะยอมสารภาพหรือไม่
ร่างของโฉมงามราวบุปผาหยกอาบไปด้วยโลหิต การลิ้มลองความทรมานเช่นนี้กลับไม่ถึงแก่ความตาย
หร่านเจียงเฉือนเนื้อของนางออกมาสิบสามชิ้นแล้วก็หยุดมือเก็บดาบ
“ส่งนางไปยังคุกอาญาหลวง” เขาออกคำสั่งอย่างเย็นเยียบ
ครั้นเขากล่าววาจานั้นออกไปก็มีองครักษ์สองคนเดินมาลากร่างของชิวเยวี่ยที่เหวอะหวะออกไป รอยเลือดยังคงรินไหลตามทาง
เหล่าบ่าวไพร่ต่างสีหน้าซีดเผือด มีบางคนทนความพะอืดพะอมและความหวาดหวั่นไม่ไหว รีบปิดปากแล้ววิ่งไปอาเจียนอีกทาง
เหมียวลั่วชิงตระหนักดีว่าหร่านเจียงจงใจลงโทษชิวเยวี่ยต่อหน้าทุกคน เขาคิดจะใช้โอกาสนี้สั่งสอนทุกคนให้เข็ดหลาบ ให้พวกเขาตระหนักว่าถ้ากล้าคิดไม่ซื่อหรือกำเริบกับเขาแล้วล่ะก็ เขาจะให้อีกฝ่ายมีสภาพแบบอยู่ไม่สู้ตาย