เหมียวลั่วชิงจำต้องสำรวมอากัปกิริยาอย่างมากเมื่ออยู่เบื้องหน้าเขา นางแสดงท่าทีหวาดกลัว เงยหน้าขึ้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทาเล็กน้อย สีหน้าประจบประแจงระคนระแวดระวังแฝงด้วยความเคารพอยู่สามส่วน ความหวาดกลัวอีกเจ็ดส่วน
หร่านเจียงจับจ้องนาง นัยน์ตาของเขาดำขลับ เย็นชา และลึกสุดหยั่งเฉกเช่นที่ผ่านมา เขาพินิจดวงหน้าอันงดงามอย่างละเอียด
เหมียวลั่วชิงปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขามาครึ่งปี นางมีฝีมือและละเอียดรอบคอบยิ่งนัก กอปรกับอ่อนโยนสงบเสงี่ยม รู้จักสังเกตสีหน้าวาจา รับใช้เขาอย่างเอาอกเอาใจ ละเอียดถี่ถ้วน ทำให้เขาพออกพอใจยิ่ง
เมื่อครึ่งเดือนก่อนเป็นเพราะเหมียวลั่วชิงลาป่วย พ่อบ้านจ้าวจึงให้ชิวเยวี่ยเข้ามาทำหน้าที่แทน ปรนนิบัติอยู่ข้างกายเขา ซึ่งเขาก็เห็นพ้องด้วย ขอเพียงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี ส่วนจะเป็นใครนั้นเขาไม่เคยใส่ใจสักนิด ทว่าสาวใช้นางนั้นกลับเป็นนักฆ่าที่ดักซุ่มอยู่ในจวนมาเป็นเวลานาน เรื่องนี้ยั่วโทสะเขายิ่งนัก
“ชิงเอ๋อร์ เดิมทีเจ้าก็ปรนนิบัติอยู่ข้างกายข้า เพราะเหตุใดจึงย้ายไปห้องครัวเสียเล่า” หร่านเจียงซักถามด้วยเสียงเข้ม
เหมียวลั่วชิงก้มหน้าลง นางสัมผัสได้ถึงความกดดันที่แผ่ซ่านมาจากด้านบน แม้นางจะหวาดกลัวหร่านเจียงเพียงใด ทว่าจากที่นางรู้จักหร่านเจียงมาหลายชาติ ยามอยู่ต่อหน้าบุรุษที่ฉลาดล้ำผู้นี้ไม่มีอะไรสามารถหลอกลวงเขาได้ เมื่อเทียบกับการเล่นเล่ห์เพทุบายแล้ว มิสู้ตอบตามความจริงไปเลยจะดีกว่า
“เรียนใต้เท้า เพราะบ่าวป่วยเจ้าค่ะ จึงลางานเสียหลายวัน รอจนบ่าวหายดีแล้วพ่อบ้านจ้าวก็แจ้งว่างานเดิมของบ่าวมีคนทำแทนแล้ว เหลือเพียงงานในห้องครัวที่ยังขาดคนเจ้าค่ะ”
“อ๋อ แล้วเจ้าก็เชื่อฟังเขาเช่นนี้ พ่อบ้านให้เจ้าไปห้องครัวเจ้าก็ไปอย่างว่าง่าย?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ตัวบ่าวเองไม่ยินยอม แต่ว่า…” นางชะงักชั่วครู่คล้ายว่าลังเล
ทันใดนั้นคำสั่งอันเย็นชาของหร่านเจียงก็ดังมาจากด้านบน “แต่อะไร ว่ามา”
เหมียวลั่วชิงครุ่นคิดชั่วครู่ นางโค้งกายลงทันใด คุกเข่าลงกับพื้น “การได้ปรนนิบัติรับใช้ใต้เท้าเป็นเกียรติของบ่าวยิ่งแล้วเจ้าค่ะ แต่หากจะให้บ่าวขายตัวเพื่อแลกกับงาน บ่าวไม่ยินยอมเด็ดขาดเจ้าค่ะ”
ครั้นนางเอ่ยวาจาออกไป พ่อบ้านจ้าวที่อยู่ด้านข้างก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวราวฟ้าผ่าขึ้นมา “นางตัวแสบ เจ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหล!”
เหมียวลั่วชิงเงยหน้าขึ้น ค่อยๆ หันไปมองพ่อบ้านจ้าว
“ที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ชิวเยวี่ยติดสินบนท่านแย่งงานข้าไป แล้วข้าก็ไม่ยอมขอร้องท่าน ท่านหยามหยันข้าโดยส่งข้าไปห้องครัว แม้ข้าจะเป็นบ่าวแต่ก็รักนวลสงวนตัว จะให้ข้าขายตัวรับใช้ท่าน ข้ายอมไปทำงานหยาบที่ห้องครัวเสียจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
เหมียวลั่วชิงรู้ซึ้งถึงความปราดเปรื่องของหร่านเจียงดี เขาสามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบฝ่ายเหนือได้คงจะไม่ถูกหลอกง่ายๆ เป็นแน่ เหตุที่หร่านเจียงส่งองครักษ์มาเรียกตัวนางคงไม่ใช่เพื่อคุมตัวนาง เห็นได้ชัดว่าหร่านเจียงไม่ได้เห็นนางเป็นผู้ต้องสงสัย พ่อบ้านจ้าวจับจ้องความงามของนางจนตาเป็นมันมานานแล้ว โดยปกติขอเพียงหร่านเจียงตั้งใจจะตรวจสอบย่อมจะพบเรื่องที่พ่อบ้านรับสินบนในจวนได้อย่างง่ายดาย
ถึงจะโบยพ่อบ้านจ้าวจนตายเขาก็ไม่ยอมรับเรื่องนี้ เขาเป็นคนย้ายชิวเยวี่ยให้ไปปรนนิบัติข้างกายใต้เท้า ทว่ากลับเกิดเรื่องลอบสังหารขึ้น เขาคงยากที่จะหลุดพ้น ดังนั้นเพื่อเอาตัวรอด เขาจึงสาดน้ำโคลน ใส่เหมียวลั่วชิง