โรงเตี๊ยมเยวี่ยไหลตั้งอยู่บนถนนใหญ่ที่คึกคัก มีผู้คนสัญจรไปมาขวักไขว่ เขามาสืบคดีที่นี่จึงทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้นต่างรู้เรื่องนี้ แล้วจุดประสงค์ที่เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อแสดงให้ทุกคนรู้ว่าถึงองค์หญิงเจ็ดจะอยู่ในจวน แต่ตัวเขากลับยุ่งกับการสืบคดีอยู่ภายนอก แม้จะทำพอเป็นพิธีเท่านั้น
หน้าตาเขาดูวุ่นวายใจ เหนื่อยหน่าย ไร้ความสนใจใดๆ เขาพาองครักษ์มาไม่มาก หากยามนี้จะสังหารเขา จะมองอย่างไรนี่ก็คือโอกาสที่พันปีจะเจอสักครั้ง
ทว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้จริงๆ หรือ ไม่ใช่สิ นางไม่เชื่อหรอก นี่คือหลุมพรางที่จะชักนำให้นักฆ่ากระโดดลงไป
ทันใดนั้นอี้ก็จู่โจมมาในท่วงท่าที่ต้องการสังหารหร่านเจียงให้ตาย เหมียวลั่วชิงเองก็ขยับตัวเช่นกัน ทว่านางไม่ได้จะเข้าช่วยอี้ แต่กลับใช้ร่างกายนางเป็นเกราะกำบัง อารักขาอยู่เบื้องหน้าหร่านเจียง ป้องกันกระบี่ที่แทงมาอย่างรวดเร็วราวดาวตก
ชั่วขณะที่กระบี่แทงเข้าสู่ร่าง นางก็รู้สึกทรมานอยู่เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับการทรมานจากการตัดมือเท้าและเชือดคอแล้ว กระบี่นี้ก็ไม่นับว่าจะทำให้นางเจ็บปวดสักเท่าไร แม้มันจะแทงแทบทะลุร่างนางก็ตาม
นางเห็นสีหน้าของหร่านเจียงที่สุขุมดั่งขุนเขาเผยความตกตะลึงออกมา ดวงตาคู่นั้นที่ลึกล้ำสุดหยั่งตลอดมาในที่สุดก็เผยคลื่นอารมณ์ ทั้งประหลาดใจ งุนงง นึกไม่ถึง เพียงเพราะนางสละชีวิตเพื่อช่วยเขา
จู่ๆ เหมียวลั่วชิงก็เกิดความสุขใจ แล้วยังมีความเบิกบานใจที่ไม่สามารถอธิบายได้
ฮึๆ คงเดาไม่ออกกระมัง! มองไม่ออกล่ะสิ! ถึงท่านจะล่วงรู้ทุกสิ่งดั่งเทพเจ้า ปลิ้นปล้อนราวจิ้งจอกพันปี ข้าจะทำให้ท่านสับสนอย่างที่สุด!
วันนี้ในจวนสกุลหร่านคงถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเป็นค่ำคืนแห่งความวุ่นวาย
หร่านเจียงออกไปสืบคดีแต่กลับถูกลอบสังหาร เรื่องนี้ลือเข้าไปในวังอย่างเร่งด่วน ในวันนั้นองค์หญิงเจ็ดไม่ได้ค้างคืนในจวนสกุลหร่านเพราะฝ่ายขันทีได้เชิญนางกลับวัง
เหตุที่หร่านเจียงถูกลอบสังหาร องค์หญิงเจ็ดก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ หากไม่ใช่เพราะนางตั้งใจจะค้างคืนที่จวนสกุลหร่าน หร่านเจียงจึงต้องออกจากจวนทันทีเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย เช่นนั้นเขาคงเตรียมการป้องกันไว้รอบด้านแน่ หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงเจ็ดใส่ยาปลุกกำหนัดในสุรา หร่านเจียงก็ไม่มีทางสติเลื่อนลอย ปล่อยให้นักฆ่ามีโอกาสลงมือได้
ขณะที่เขาถูกเหล่านักฆ่ารุมล้อม หากไม่ใช่เพราะเหมียวลั่วชิง สาวใช้ข้างกายเขาที่ใช้ร่างกายนางมารับกระบี่แทน ไม่แน่ว่าเขาอาจจะบาดเจ็บสาหัสหรือชีวิตดับสิ้นไปแล้วก็เป็นได้
เรื่องราวเหล่านี้ซึ่งเป็นความลับขององครักษ์เสื้อแพรก็ลือเข้าไปในวัง ฮ่องเต้ทรงพระพิโรธ เดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ และทรงลงโทษองค์หญิงเจ็ด ขณะเดียวกันก็ทรงตำหนิที่ฮองเฮาตามใจนาง
ครั้นผ่านพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้ ถึงองค์หญิงเจ็ดอยากจะพัวพันกับหร่านเจียงอีกก็คงจะไม่มีโอกาสแล้ว วันถัดมาความจริงก็ได้รับการพิสูจน์ ฮ่องเต้ได้พระราชทานสมรสให้แก่องค์หญิงเจ็ดโดยเลือกราชบุตรเขยให้ สามเดือนต่อมานางก็ทรงอภิเษกกับบุตรชายของใต้เท้าเสนาบดีกรมทหาร
ส่วนเหมียวลั่วชิง เรื่องใหญ่โตภายนอกก็ไม่เกี่ยวพันอะไรกับนางเลย
กระบี่ของอี้แทบจะแทงทะลุร่างนาง หลังจากเหตุการณ์นั้นหมอก็รายงานว่าตัวกระบี่อยู่ห่างจากหัวใจนางเพียงชุ่นเดียว นางเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แม้ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้ ทว่านางกลับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากที่เหมียวลั่วชิงบาดเจ็บสาหัส บางครั้งนางก็สลบไสลไม่รู้ตัว บางครั้งก็คล้ายว่าจะมีสติอยู่บ้าง
ท่ามกลางความมืดสลัวนั้น คล้ายกับว่านางได้ยินบุรุษผู้หนึ่งออกคำสั่งด้วยความเดือดดาล
“ต้องช่วยนางให้รอด นางจะตายไม่ได้”
น้ำเสียงนั้นดุดันเด็ดขาด แฝงไปด้วยการข่มขู่
ถึงนางจะลืมตาไม่ขึ้นก็สามารถแยกเสียงของหร่านเจียงได้ นอกจากนี้นางยังได้ยินคนอื่นทำได้เพียงตอบรับเท่านั้น
“ใต้เท้า นางบาดเจ็บสาหัสนัก หยูกยาต่างๆ และการฝังเข็มคงช่วย…”
“หากนางตาย พวกเจ้าก็ตายตามไปด้วยแล้วกัน” สุ้มเสียงเย็นยะเยือกขั้นสุด แม้นางจะอยู่ในความฝันก็ยังสัมผัสได้ น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยเพลิงโทสะและการคุกคามอันโหดเหี้ยม