นางนั่งอยู่บนเตียง มองหน้าเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“เมื่อวานข้าปรนนิบัติเขาในห้องหนังสือ ฉวยโอกาสยั่วยวนเขาในขณะที่รอบตัวไม่มีใคร คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่หวั่นไหวเอาเสียเลย แต่เขากลับย้ายข้าออกมานอกเรือน”
“ปกติเจ้าดูระมัดระวังยิ่งนัก ไยเมื่อวานเจ้าจึงหุนหันพลันแล่น”
นางขมวดคิ้ว “เมื่อวานคือโอกาสอันดี เขากอดและลูบไล้ตัวข้าขณะรักษาอาการบาดเจ็บ เห็นชัดว่าเขามีใจให้ข้า แต่ติดที่ว่าข้ายังไม่หายดี จะต้องพักฟื้น จะตีเหล็กต้องฉวยโอกาสที่มันยังร้อน วันนี้มีเพียงแค่เขาและข้าในห้องหนังสือ บุรุษสตรีอยู่ด้วยกันตามลำพัง แน่นอนว่าข้าก็จะต้องฉวยโอกาสนี้แสดงความรู้สึกออกไป ทำให้เขาหลงใหลในตัวข้าจึงจะมีโอกาสลงมือ นี่เรียกว่าเล็งเวลาได้อย่างแม่นยำต่างหาก หุนหันพลันแล่นที่ใดกัน”
นางคิดทบทวนบทพูดนี้อย่างละเอียดทั้งหน้าและหลัง คิดว่าฟังดูมีเหตุมีผล ไร้ซึ่งช่องโหว่ นางเชื่อว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงข้ามได้
อี้เงียบงันลง ดวงตาดำขลับที่ซ่อนไว้ในความมืดมิดนั้นประจันกับดวงตาโกรธเคืองเล็กน้อยของนางราวกับกำลังไตร่ตรองวาจาของนางอยู่
นางนั่งอยู่บนเตียง แสงจันทราอ่อนๆ หลายสายสะท้อนมาบนร่างนาง วาดแต่งลวดลายที่มีทั้งส่วนสว่างไสวและมืดครึ้ม ชุบเสน่ห์อันลึกลับให้กับนาง
เดิมทีนางก็เกิดมาหน้าตาสะสวย มีเสน่ห์เฉิดฉาย น่ารักไม่ธรรมดา ในยามที่นางทำสีหน้าเย็นชาย่อมทำให้คนที่ได้เห็นอยากเอาชนะความเย็นชานั้น
อี้จ้องนางไม่วางตา ในใจครุ่นคิดว่าทีแรกที่เบื้องบนเลือกนางเข้ามาในจวนสกุลหร่านก็เพราะพิจารณาในความงดงามและเล่ห์เหลี่ยมของนาง เชื่อว่าหร่านเจียงจะต้องสนใจนางแน่ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหร่านเจียงจะไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
หลังจากที่อี้เงียบงันอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “เขาย้ายเจ้าออกมา เจ้าก็พลาดโอกาสแล้ว”
“ข้ารู้” น้ำเสียงราบเรียบของนางเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและนึกเสียดาย
“ไม่เป็นไร เรื่องราวต่อจากนี้ข้าจะจัดการเอง”
ครั้นเหมียวลั่วชิงได้ฟัง ใจนางก็สะท้านโดยพลัน “ท่านมีแผนการอะไร”
เขาไม่พูดมากความอีก เพียงเอ่ยมาประโยคเดียว “เมื่อโอกาสมาถึงก็ทำตามที่ข้าสั่งแล้วกัน”
ครั้นนางเห็นว่าเขากล่าวจบแล้วกำลังจะจากไปก็เรียกตัวเขาไว้ “รอเดี๋ยว”
เขาหันมามองนาง รอให้นางเอ่ยปาก
“คราวหน้าก่อนที่จะมาโปรดส่งเสียงให้ข้ารู้ก่อน เผื่อข้าไม่สะดวก” นางเอ่ย
อี้ร้องฮึเสียงเย็น “ไยต้องมีกฎเกณฑ์มากมายด้วย” พอเขากล่าวจบก็หายตัวไปในพริบตาราวภูตผีปีศาจเหมือนตอนที่มา
ครั้นเขาจากไป เหมียวลั่วชิงก็รีบลงจากเตียงไปตรวจสอบทันที
นางไม่รู้เช่นกันว่าบุรุษผู้นี้เข้ามาในห้องได้อย่างไร ไร้สุ้มไร้เสียง จนกระทั่งเขามายืนอยู่เบื้องหน้านางจึงค่อยเห็นตัวเขา ทำเช่นนี้ช่างเสียมารยาทนัก ถ้าหากวันใดนางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือปลดทุกข์อยู่เล่า ถ้าเขาเห็นเข้าจะทำเช่นไร
นางเดินมาอีกฝั่งหนึ่งของห้อง สาวใช้ซุ่ยเอ๋อร์ก็นอนอยู่บนเตียงทางฝั่งนั้น นางไม่ได้ตื่นมาโดยตลอด น่าจะถูกสกัดจุดนอนหลับไว้
เหมียวลั่วชิงจ้องซุ่ยเอ๋อร์ปราดหนึ่งแล้วก็เดินกลับไปนอนที่เตียงของตนเอง