ยามนี้เหมียวลั่วชิงยังไม่รู้ว่าหายนะกำลังคืบคลานเข้ามา นางกำลังหลบซ่อนอยู่ในห้องตนอย่างสบายใจ
ครั้นนางได้ยินจากพ่อบ้านคนหนึ่งบอกว่าองค์หญิงเจ็ดเข้าจวนมาหาหร่านเจียง นางก็รู้ว่าต่อจากนั้นจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จากที่นางปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงมือในทุกชาติภพที่ผ่านมา บางเรื่องก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย ทว่าก็มีบางเรื่องที่ยังคงเป็นเหมือนในชาติก่อนๆ อย่างเช่นองค์หญิงเจ็ดลุ่มหลงในตัวหร่านเจียง ก็เป็นดังเช่นวันนี้ที่นางเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนเขาเสียเอง หร่านเจียงก็ต้องจัดงานเพื่อต้อนรับนาง
แต่นางเชื่อว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากงานเลี้ยงจะต้องเหมือนในชาติก่อนเป็นแน่ เพราะนางไม่ได้อยู่ข้างกายหร่านเจียงแล้วจึงไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย
คิดมาถึงจุดนี้นางก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก นั่งอยู่ในห้องดื่มชาต่อไป รู้สึกผ่อนคลาย เป็นตัวเองอย่างที่สุด ใครจะไปรู้ว่าพอนางเพิ่งวางใจลง ปัญหาก็มาเยือนถึงหน้าประตู
“ชิงเอ๋อร์อยู่หรือไม่”
มือของเหมียวลั่วชิงที่ยกถ้วยชาอยู่ชะงักค้าง นางวางถ้วยชาลงทันที เดินออกไปนอกห้อง
“ข้าอยู่นี่ มีอะไรจะสั่งข้าหรือ” นางรู้จักคนรับใช้หนุ่มคนนี้ เขาดูแลอยู่ที่ด้านหน้าเรือนหลัก
“ใต้เท้าเรียกหาเจ้า ตามข้ามาเถิด”
ครั้นนางได้ฟังก็ชะงักค้าง ลางร้ายสายหนึ่งปกคลุมหัวใจโดยพลัน
“พี่ชายท่านนี้ ใต้เท้าเรียกหาข้าไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือ”
“ใต้เท้าจะออกจากจวน คงจะเรียกเจ้าให้เดินทางไปด้วยเพื่อปรนนิบัติท่าน”
แท้จริงแล้วนางหวาดกลัวอะไร มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น คนอื่นล้วนไม่รู้ที่มา แต่เหมียวลั่วชิงกลับรู้แจ้งเห็นจริง หร่านเจียงดื่มสุราคารวะจากองค์หญิงเจ็ด ยามนี้คงกำลังเดือดดาล หากนางไปอยู่ข้างกายเขาในเวลานี้ก็เท่ากับส่งตัวเองเข้าปากหมาป่าอย่างไม่ต้องสงสัย
นางไม่เข้าใจ หร่านเจียงจะให้ใครเดินทางไปด้วยก็ได้แต่ต้องไม่ใช่นาง นางเพิ่งหลุดจากการเป็นที่โปรดปราน ไยจู่ๆ เขาจึงนึกถึงนางเล่า
ไปไม่ได้! ไปไม่ได้เด็ดขาดนะ!
คนรับใช้ที่มาเรียกตัวนางเห็นนางไม่ขยับเขยื้อนจึงตะโกนเอ่ยว่า “เหม่ออะไรอยู่ ยังไม่รีบตามข้าไปยังหน้าเรือนหลักอีก เจ้าไม่กลัวใต้เท้าตำหนิ แต่ข้ากลัวนะ!”
เหมียวลั่วชิงพลันก้มหน้ารับคำ เดินตามหลังคนรับใช้คนนั้นไป นางกำหมัดแน่น ในใจรีบคิดหาทางรับมือทันที
จะทำเช่นไรดี จะทำเช่นไรดี หร่านเจียงมีอะไรผิดปกติหรือ ไฉนไม่ไปหาคนอื่น แต่กลับเรียกหาสาวใช้ที่เพิ่งล่วงเกินเขาไป หรือว่าค่ำนี้ข้าจะหนีจากหายนะไม่พ้นเสียแล้ว
ทุกย่างก้าวที่เหมียวลั่วชิงเยื้องย่างไปราวกับหนักอึ้ง นางต้องการเวลามาคิดหาวิธีใจจะขาด เพียงแต่คนรับใช้ที่รับคำสั่งมาห้ามไม่ให้นางทำเสียเวลา เร่งนางครั้งแล้วครั้งเล่าให้ก้าวเท้าเร็วขึ้น
ในที่สุดก็มาถึงด้านหน้าจวน ครั้นนางช้อนตาขึ้นก็มองเห็นรถม้าที่จอดรออยู่ตรงนั้น
“ใต้เท้า ชิงเอ๋อร์มาถึงแล้วขอรับ”
“ขึ้นมานี่” น้ำเสียงเนิบทุ้มของหร่านเจียงดังมาจากด้านในรถม้า มั่นคงมีพลัง ไม่ปล่อยให้นางสงสัย
เหมียวลั่วชิงค่อยๆ กำหมัดแน่น ก้มหน้าพลางเดินขึ้นหน้าไป นางเหยียบม้านั่งเพื่อก้าวขึ้นไปบนรถม้า ครั้นนางช้อนตาขึ้นก็ปะทะเข้ากับดวงตาลึกล้ำยากจะคาดเดา
แววตาของหร่านเจียงสุขุมน่าเกรงขามคล้ายกับพยัคฆ์หมาป่า
นางรีบก้มหน้างุดๆ เพื่อปิดบังดวงตาที่กำลังลุกลี้ลุกลนของตน ทว่านางกลับห้ามหัวใจที่เต้นรัวไม่ได้