เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าเป็นเพราะเสียงของเด็กสาวคนนี้อ่อนโยนทำให้สบายใจ แต่ตอนนี้พอเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นขึ้น ทุกคนต่างก็พูดว่าเสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวลของเธอแท้จริงแล้วมีพลังสะกดจิตคนได้
นี่เป็นสังคมสมัยใหม่แท้ๆ จะมามีเรื่องลี้ลับอะไรแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน แต่เสียงของหลินเซินนั้นก็ต่างไปจากคนอื่นจริงๆ…ชายหนุ่มยกผ้าห่มขึ้นคลุมหัวอย่างหงุดหงิด
หญิงวัยกลางคนยังคงบ่นไม่เลิก ‘น่าจะเอามันไปขังไว้ ต่อให้ย้ายไปแล้วก็ไม่แน่ว่าอาจจะไปทำร้ายใครเข้าอีก…’
ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูงเหนือชั้นเมฆ ข้าวของภายในห้องถูกย้ายออกไปจนหมดแล้ว คุณแม่หลินเดินอุ้มตุ๊กตาหมีตัวสุดท้ายลงมาจากตึก ก่อนกวักมือเรียกหลินเซิน ‘เซินเซิน ไปกันเถอะจ้ะ’
เด็กสาวละสายตาขึ้นมาจากรังมดใต้ฝ่าเท้า หันไปมองแม่แล้วเดินเข้าไปหาช้าๆ ท่ามกลางกลุ่มคนรอบข้างที่กำลังยืนมองอยู่เงียบๆ แล้วจู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา ‘สัตว์ประหลาด!’
หลินเซินตกใจจนตัวงอ คุณแม่หลินอุ้มเธอขึ้นมาแล้วรีบเดินไปที่ประตู
หลินเซินฟุบหน้าอยู่บนบ่าของแม่ เผยให้เห็นแค่ดวงตาคู่หนึ่ง เธอมองดูใบหน้าที่คุ้นเคยซึ่งแฝงไปด้วยความเกลียดชังพวกนั้น ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอจึงถามขึ้นมาเบาๆ ว่า ‘แม่คะ หนูเป็นสัตว์ประหลาดเหรอ’
‘ไม่ใช่อยู่แล้วลูก อย่าไปฟังคนพวกนั้นพูดจาเหลวไหลเชียว’
เสียงของเธอดังอู้อี้ ‘งั้นทำไมพวกเราต้องย้ายไปด้วยคะ’
ร่างกายของคุณแม่หลินแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย ผ่านไปนานถึงได้ยิ้มออกมาแล้วตอบ ‘เพราะว่าบ้านใหม่มีสวนกว้างมาก เซินเซินอยากเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่เหรอ พอย้ายไปบ้านใหม่ก็จะเลี้ยงได้แล้วนะ’
ที่ประตูคอนโดฯ คุณพ่อหลินซึ่งเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วเปิดประตูรถรอทั้งคู่อยู่
ตอนที่หลินเซินกำลังจะขึ้นรถก็มีเสียงแผ่วเบาลอยมาจากที่ไม่ไกลนัก ‘เซินเซินๆ’
หลินเซินหันหน้ากลับไปมอง เห็นเด็กสาวสวมเดรสสีชมพูกำลังยืนกวักมือเรียกอยู่ตรงหัวมุมด้วยท่าทางขลาดกลัว คุณแม่หลินลูบศีรษะเธอเบาๆ ‘ถิงถิงมาส่งลูกแล้ว ไปบอกลาเธอเถอะจ้ะ’
เด็กหญิงอึ้งไปเล็กๆ ก่อนเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายช้าๆ
ในตอนที่เดินเข้าไปใกล้ ถิงถิงก็เอาดอกลิลลี่ดอกหนึ่งที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมายื่นให้ ‘เซินเซิน อันนี้ให้เธอ วันหน้าพวกเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว’
หลินเซินก้มหน้ามองดอกไม้ดอกนั้น บนกลีบดอกไม้ยังมีหยาดน้ำค้างเกาะอยู่ เธอก้าวถอยหลังไปสองก้าว ไม่ได้รับมันมา
ถิงถิงยัดดอกไม้ใส่มือหลินเซินอย่างดื้อรั้น นิ้วมือของทั้งคู่ประสานกันแน่น ผ่านไปครู่ใหญ่ถิงถิงถึงได้เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า ‘เซินเซิน ขอโทษนะ!’
พูดจบถิงถิงก็กลับตัววิ่งหนีไปแล้ว
เธอเงยหน้ามองแผ่นหลังของถิงถิงที่จากไป ผ่านไปสักพักถึงได้กลับตัวเดินไปหาพ่อและแม่ที่นั่งรออยู่บนรถ หลินเซินปีนขึ้นไปนั่งเบาะหลัง ปิดประตูรถ รถยนต์ค่อยๆ สตาร์ตเครื่อง เธอหมุนกระจกหน้าต่างลงมา แล้วโยนดอกลิลลี่ดอกนั้นออกไป
ล้อรถเคลื่อนผ่าน บดขยี้กลีบดอกจนแหลกสลาย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ก.พ. 64